วิธีเลือกสายชาร์จมือถือ และควรซื้อยี่ห้อไหนดี

วิธีเลือกสายชาร์จมือถือ และควรซื้อยี่ห้อไหนดี

ปกติเวลาเราซื้อมือถือยี่ห้อไหนก็ตาม จะมีสายชาร์จของแท้แถมมาให้อยู่แล้วนะครับเราเลยไม่ต้องกังวลว่าจะซื้อยี่ห้อไหนดี แน่นอนว่าแถมมาพร้อมมือถือก็ต้องดีและเหมาะกับมือถืออยู่แล้ว โดยเฉพาะสายชาร์จไอโฟนแท้ หรือสายชาร์จ samsung แท้ ที่จะค่อนข้างจะเรื่องมากนิดนึงเวลาเราซื้อสายชาร์จยี่ห้ออื่น ไม่เหมือนพวกสายชาร์จ oppo vivo huawei xiaomi ที่ไม่ค่อยเรื่องมากเท่าไหร่

การแบ่งสายชาร์จแบบตามประเภทหัวปัจจุบันที่ยังใช้กันอยู่จะแบ่งเป็น 4 แบบนะครับ ซึ่งจะต่างกันอย่างมากนะครับรวมไปถึงราคาด้วย เพราะว่าคุณภาพจะต่างกันค่อนข้างเยอะ

ในตัวพอร์ตจะมีทั้งหมด 30 pin เพราะสามารถใช้ส่งข้อมูลได้ด้วย สามารถส่งผ่านข้อมูลได้เร็วเท่ากับ usb 2.0 ก็คือ 480Mbps/60MBps

สำหรับสายชาร์จ usb-c ส่วนมากจะใช้กับมือถือ samsung, oppo, vivo, huawei, xiaomi รุ่นเรือธงต่างๆ แต่ในปีนี้จะเห็นได้ว่ามือถือรุ่นกลางๆเริ่มเปลี่ยนมาใช้สายชาร์จ usb-c กันบ้างแล้ว เพราะว่า usb-c ถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ เพราะนอกจะให้กระแสไฟที่แรงกว่าแล้วยังส่งข้อมูลได้เร็วกว่าด้วย โดยสามารถส่งได้ถึง 5Gbps/640MBps (USB 3.1 Gen 1) และ 10Gbps (USB 3.1 Gen2) ที่ราคาต่างกันจะเห็นได้ว่าความเร็วของสายชาร์จ usb-c ทำความเร็วได้มากกว่าสาย lightning อย่างต่ำถึงสิบเท่าเลยทีเดียว และยังรองรับการชาร์จแบบ PD, QC หรือการชาร์จเร็วแบบ Quick Charge หรือ Fast Charge นี่เอง

สายชาร์จ Thunderbolt 3 สำหรับสินค้ารุ่นใหม่หรือ iphone รุ่นใหม่ของ apple

หลังจากที่สายชาร์จ lightning พ่ายแพ้ให้กับสายชาร์จ usb-c ก็ทำให้ทาง apple คิดค้นสายขึ้นมาใหม่ที่เรียกว่าสายชาร์จ Thunderbolt 3 ที่ทำความเร็วชนะสายชาร์จ usb-c ไปได้ ที่หน้าตาเหมือน usb-c เป๊ะ แต่สามารถทำความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลได้ถึง 40Gbps หรือมากกว่า usb 3.1 gen 2 ที่ทำได้ 10Gbps ไปถึง 4 เท่ากันเลย ทำให้สายชาร์จ Thunderbolt ไม่เพียงแต่ใช้สำหรับโอนข้อมูลมือถือ iphone หรือ ipad เท่านั้น แต่ยังสามารถทำการเชื่อมต่อส่งข้อมูลไปยังจอ monitor ของ apple เช่น imac ได้ความละเอียดถึงระดับ 4K โดยไม่กระตุก

สายชาร์จ Micro usb เนี่ยเราน่าจะใช้กันมาตั้งแต่สิบกว่าปีก่อนแล้วนะครับ ที่ตอนนั้นยังเป็นเทคโนโลยี usb 2.0 อยู่ ที่ทำความเร็วได้ค่อนข้างต่ำมาก ไม่เพียงพอต่อการใช้งานในสมัยนี้เท่าไหร่ สำหรับคนทีต้องการโอนข้อมูลปริมาณมากๆหรือมีขนาดใหญ่ แต่ถ้าสำหรับการใช้งานทั่วไปยังถือว่าใช้ได้ปกติไม่ได้ถือว่าช้าเกินไปครับ โดยสายชาร์จ Micro usb จะยังใช้อยู่ในมือถือรุ่นราคาประหยัดที่ไม่ได้เอาไว้ทำอะไรมากอยู่แล้วครับ

นอกจากสายชาร์จจะแบ่งตามประเภทหัวของแต่ละมือถือแล้ว สายชาร์จมือถือเนี่ยปกติยังจะแบ่งเป็น 2 แบบอีก คือ สายชาร์จอย่างเดียว กับ สายโอนข้อมูลได้ด้วย ตรงส่วนนี้จะไม่ค่อยมีปัญหาสำหรับสำหรับคนที่ใช้ iphone, ipad เท่าไหร่นะครับเพราะปกติจะใช้สายชาร์จแท้ iphone อยู่แล้ว เรามาเปรียบเทียบดูกัน

จะพบเจอสายชาร์จแบบนี้ได้ในพวกสายชาร์จที่ราคาถูกมาก ราคาประมาณไม่เกิน 100 บาทครับ ข้อสังเกตุคือตัวสายจะมาแบบบางๆหน่อย เพราะว่าสายข้างในอาจจะต่อไม่ครบทำให้ไม่สามารถโอนข้อมูลผ่านสายประเภทนี้ได้ แต่ถ้าเป็นระดับ 100-200 บาทขึ้นไป ก็จะโอนได้ปกติครับ ถึงความเร็วจะไม่ได้เท่าตามสเปคของหัวต่อชนิดต่างๆก็เถอะ แต่ก็ถือว่ายังพอใช้ได้ครับรวมถึงบางรุ่นจะรองรับ quick charge หรือ fast charge ได้ด้วย จะมีข้อเสียนิดหน่อย คือ มือถือบางรุ่นอาจจะไม่รองรับ เพราะต้องการชิปบางอย่างที่หัวชาร์จในการควบคุมกระแสไฟ ส่วนมากจะมีปัญหากับพวกมือถือราคาแพงๆรุ่นเรือธง ตอนซื้อก็ขอให้พิจารณาหน่อยครับ

สายแบบนี้จะราคาค่อนข้างสูงระดับ 400-500 บาทขึ้นไปเลยครับ เนื่องจากคุณภาพในการผลิตต่างๆ ถ้านำมาเปรียบเทียบกับสายที่ชาร์จไฟมือถืออย่างเดียว จะเห็นได้ว่าสายชาร์จจะใหญ่กว่าถึง 2 เท่าและข้อดีคือสายพวกนี้สามารถรองรับการชาร์จแบบ quick charge หรือ fast charge ของมือถือรุ่นต่างๆได้อย่างเต็มที่ ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลารอชาร์จมือถือนานครับ รวมไปถึงยังมีชิปวงจรอยู่ที่หัวทำให้ไม่มีปัญหาในการใช้งานกับอุปกรณ์ต่างๆ

เราอยากบอกว่าถ้าคุณใช้สายชาร์จที่มีราคาถูกเกินไปคุณจะเจอปัญหาหลายอย่างเลยครับ เราแนะนำให้คุณซื้อสายชาร์จราคาถูกในกรณีที่ฉุกเฉินจริงๆหาซื้อสายดีๆไม่ได้ หรือลืมเอาไปเที่ยวด้วยเท่านั้น เลี่ยงได้ควรเลี่ยง เพราะคุณจะเจอเหตุการณ์เหล่านี้ครับ

จากการผลิตที่ไม่ได้มาตราฐาน เช่น ใช้สายทองแดงภายในเส้นเล็กเกินไป เกิดการหักใน หัวต่อเชื่อมไม่ดี เหตุการณ์เหล่านี้เป็นต้นเหตุให้มือถือของเราพังหลายครั้งรวมไปถึงบอร์ดมือถือเราอาจะพังได้ อันนี้เราซ่อมแพงกว่าสายชาร์จราคาถูกแน่นอน และเรามีสิทธิ์โดนไฟดูดจนถึงแก่ชีวิตแบบในข่าวด้วยครับ

ด้วยความที่เราจ่ายไปในราคาถูก ก็แน่นอนครับเราจะได้ของที่ไม่เต็มประสิทธิภาพมาอย่างที่บอกไป ทำให้เวลาชาร์จไฟเนี่ย กระแสไฟไม่สามารถมาได้เต็มที่ตามมาตราฐานของมือถือหรืออแดปเตอร์หัวชาร์จ ทำให้เกิดอาการชาร์จๆหยุดๆก็เป็นอีกสาเหตุนึงของอาการแบตเสื่อมเร็วกว่ากำหนดครับ

อย่างที่บอกไปตอนต้นว่ามือถือบางยี่ห้อบางรุ่น มีการตรวจจับชิปจ่ายกระแสไฟของสายชาร์จด้วย เพื่อป้องกันการลัดวงจรมือถือต่างๆที่จะทำให้มือถือเราเสียหายหรือเกิดอุบัติเหตุได้ ทำให้สายชาร์จราคาถูกที่ไม่ได้ใส่ชิปวงจรควบคุมกระแสไฟมาด้วยไม่สามารถใช้กับมือถือบางรุ่นได้ครับ

สายชาร์จที่มีราคาหน่อยจะสังเกตุได้ง่ายนะครับว่าตัวฉนวนสายชาร์จจะใช้เป็นแบบถักหุ้ม ไม่ใช่ยางหรือพลาสติกที่แตกหลุดร่อนง่ายเมื่อใช้ไปนานๆ รวมไปถึงข้อต่อที่แข็งแรงที่ปกติส่วนมากจะหุ้มตั้งแต่หัวชาร์จลงไปจนถึงตัวสาย ทำให้เวลาเราถอดเจ้าถอดออก ไม่เกิดเหตุการณ์หัวชาร์จหลุดข้อต่อแตกหรือหักครับ

สายชาร์จที่ดีที่สามารถโอนไฟล์ใหญ่ๆปริมาณมากๆได้อย่างรวดเร็วจะเขียนไว้เลยนะครับว่า เป็น usb 3.1 หรือถ้าไม่ได้เขียนไว้ให้เราเข้าไปสังเกตุดูอีกทีว่า ความเร็วในการโอนข้อมูลเท่าไหร่ ส่วนมากจะโอนได้ประมาณ 5Gbps เป็นอย่างต่ำ คุณภาพดีหน่อยจะโอนไฟล์ที่ความเร็ว 10Gbps สำหรับสาย usb-c นะครับ แต่ถ้ารุ่นเล็กจริงๆอาจจะเขียนไว้ว่าความเร็วในการโอนอยู่ที่ 480Mbps เอาง่ายๆครับ สายที่สามารถโอนได้ทางผู้ขายจะมีเขียนเอาไว้ว่าโอนได้ความเร็วเท่าไหร่แล้วเราค่อยมาตัดสินใจว่าจะเอาตัวไหนอีกทีครับว่าเราจำเป็นต้องจ่ายแพงไหม เพื่อให้ได้ความเร็วสูงสุดที่เราไม่ได้ใช้

สำหรับสายชาร์จที่ราคาและคุณภาพดีหน่อย ความยาวจะไม่ค่อยมีผลเท่าไหร่กับการจ่ายกระแสไฟนะครับ เพราะว่าสายทองแดงข้างในจะมาเส้นใหญ่อยู่แล้วและไม่หักหรือขาดง่ายๆ ทำให้กระแสไฟจะลดลงนิดหน่อยเท่านั้น แต่เราจะแนะนำว่าถ้าไม่จำเป็นต้องใช้สายยาวจริงๆ ก็ซื้อให้พอดีเถอะครับ เพราะว่าสายยิ่งยาวยิ่งเก็บยากแถมพันกันง่ายอีกด้วย

อันนี้คำถามอมตะผมแนะนำให้ใช้สายชาร์จที่มียี่ห้อที่เป็นที่รู้จัก มีคนซื้อเยอะหรือเป็นผลิตอุปกรณ์อื่นๆด้วยจะดีกว่าครับ เพราะอย่างน้อยก็ยังเชื่อใจในคุณภาพได้ในระดับนึง แต่ถ้าใครงบถึงจริงๆ ซื้อสายชาร์จมือถือของแท้ไปเลยก็ดีที่สุดอยู่แล้วครับ ทั้งในเรื่องความปลอดภัยและการรับประกันต่างๆด้วยแต่ก็ต้องแลกกับราคาที่อาจจะต่างกันมาก 2-3 เท่า

แรงดันไฟจะมีเขียนให้เลือกเลยนะครับสำหรับสายชาร์จที่มีคุณภาพ เพราะว่าสายชาร์จ usb-c ที่เป็นรุ่นใหม่สามารถนำไปชาร์จแลปทอปหรือโน็ตบุ๊คและแทปเลตได้ด้วย รวมไปถึงมือถือรุ่นใหม่ที่รองรับระบบชาร์จเร็วทำให้ต้องการสายชาร์จเร็วไปด้วยเช่นกัน กระแสไฟจึงเป็นอีกเรื่องที่เราควรจะดูด้วย เช่น สายชาร์จ 65W สามารถเอาไปชาร์จแลปทอปหรือโน็ตบุ๊ครุ่นใหม่ๆได้ด้วย ทำให้เราไม่ต้องไปพกสายหลายแบบ หรือถ้าคนต้องการซื้อเผื่อไว้ก็มีทั้ง สายชาร์จ 100W หรือ สายชาร์จ 200W ก็มีเช่นกัน แต่แบบ 200W ราคาจะสูงมากไปและหาซื้อยากรวมถึงอแดปเตอร์หัวชาร์จจ่ายไฟก็ยังไปไม่ถึงขั้นนั้นเช่นกัน เราจึงไม่จำเป็นต้องซื้อนะครับ

Comments

Post Comments