วิธีเลือกซื้อ Power Bank พาวเวอร์แบงค์ เลือกยังไง ยี่ห้อไหนดี

วิธีเลือกซื้อ Power Bank พาวเวอร์แบงค์ เลือกยังไง ยี่ห้อไหนดี

วิธีการเลือกซื้อ พาวเวอร์แบงค์ Power Bank แบตเตอรี่สำรอง แบตสำรอง แบตพกพา ที่ถูกต้อง ไม่ให้โดนหลอก และ เข้าใจการทำงานของพาวเวอร์แบงค์

พาวเวอร์แบงค์ Power Bank คือพลังงานสำรอง หรือ ที่เรารู้จักในชื่อ แบตเตอรี่สำรอง นั้นเอง ซึ่งเกิดจากการนำแบตเตอรี่ที่มีการออกแบบความจุมากหลายๆ เท่า ห่อหุ้มด้วยวัสดุกันระเบิดอย่างแน่นหนาเพื่อให้สะดวกพกพาเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆเมื่อแบตเตอรี่ หรือ พลังงานสำรองในอุปกรณ์สมาร์ทโฟน แทบเล็ต กล้องดิจิตอล ฯลฯ หมดลง

เราก็สามารถนำมาใช้งานชาร์จพลังงานได้เลย สะดวกสบาย ไม่ต้องหงุดหงิดกับแบตเตอรี่หมดอีกต่อไป เพราะ แบตเตอรี่สำรอง มีช่องจ่ายกระแสไฟฟ้าบ้านเข้าตัวแบตเตอรี่ เรียกว่า Input และ มีช่องจ่ายแทบเล็ต เรียกว่า Output อยู่ในตัวเดียวกัน

สำหรับสมาร์ทโฟน/แทบเล็ต ที่ใช้กันในปัจจุบันจะมีแบตเตอรี่ความจุประมาณเท่าไร เช่น

-แบตสามารถทำตามรูปร่างที่ต้องการได้

-เก็บประจุไฟนาน 1ปี โดยคลายประจุน้อยมาก

-ของเหลวด้านในเจอล ไม่ติดไฟ ปลอดภัย ลดความเสี่ยงเรื่องระเบิด

-พร้อมใช้งาน แกะออกจากกล่องแล้วใช้ได้ทันที

-จะใช้จนพลังงานหมดเกลี้ยงก็ได้ ไม่ต้องกังวลเรื่องแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว

-น้ำหนักเบา พกพาสะดวก

18650 สำหรับเราๆท่านอาจจะไม่คุ้นเคยกับคำว่า “18650” หมายถึงแบตเตอรี่ลิเธียมไออน (lithum ion battery) ขนาดในทาง ทฤษฏีแบตเตอรี่ควรวัด 18mm x 65 mm และเป็นทรงกระบอก (ผมเชื่อว่า “0” ในตอนท้ายของ “18650” คือ การอ้างอิงถึงรูปร่าง) 18650 แบตเตอรี่โดยทั่วไปมักพบภายในแล็ปท็อป โน๊ตบุ๊คและไฟฉายเดินป่า

-เริ่มคลายประจุหลังการชาร์จ ภายในไม่กี่สัปดาห์

-ของเหลวด้านในเป็นเคมี มีความปลอดภัยน้อยกว่าชนิด Polymer

-ประจุไฟที่มีอยู่ หากเปิดกล่องใช้งานครั้งแรกมีน้อยกว่าแบบ Polymer

-ไม่ควรใช้จนพลังงานหมดเกลี่ยง เพราะจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว

-มีน้ำหนักมากกว่าแบบ Polymer

เคยสงสัยไหมว่าทำไม Power Bank แบตเตอรี่สำรอง ความจุ 2600 mAh ถึงชาร์จ I-Pone 4s ได้ครั้งเดียว (ถ้าคำนวณแล้วน่าจะชาร์จได้ 2 ครั้งใช่หรือไม่ ?) แต่ในความเป็นจริง พาวเวอร์แบงค์Power Bank จะศูนย์เสียพลังงานจากการ Input คือ การชาร์จไฟบ้านเข้าแบตเตอรี่สำรอง และ Output คือการชาร์จจาก Power Bank เข้าสมาร์ทโฟน/แทบเล็ตนั้นเอง

สิ่งที่ควรทราบอีกอย่างคือ แบตเตอรี่ที่อยู่ใน Power Bank มีแรงดัน 3.7 Volt และ แบตเตอรี่ในสมาร์ทโฟน มีแรงดัน 5 Volt การที่ต้องดึงแรงดันจากตัว แบตเตอรี่สำรอง ให้เป็น 5 Volt เท่ากับว่ามีการปรับระดับขึ้นมาทำให้ความจุที่ตัว แบตเตอรี่สำรอง จะลดลง ดังนั้นความจุของ แบตเตอรี่สำรอง จะไม่ใช่ 2600 mAh

เนื่องจาก Power Bank จะเหลือกระแสไฟที่ใช้ได้จริงประมาณ 60 % (แต่ความจริงควรจะได้ 70-75% ถ้าได้ 60% ก็ถือว่าแย่แล้ว) ดังนั้น ความจุ 2600 mAh จะเหลือพลังที่ใช้ได้จริงประมาณ 1500 mAh ทำให้ชาร์จ I-Pone 4s ได้ 1 ครั้ง เท่านั้น ปัจจัยอีกอย่างก็คืออากาศร้อนในบ้านเราด้วยที่ทำให้พลังงานลดลง

ทางทฏษดี วิธีคำนวณ: ถ้าเราอยากทราบว่า Power Bank สามารถชาร์จเข้าไปในสมาร์ทโฟน/แทบเล็ต ในปริมาณพลังงานที่ใช้ได้จริงเท่าไร สามารถคำนวณได้ดังนี้

ดังนั้นในการเลือกซื้อ Power Bank ให้เหมาะกับความจุสมาร์ทโฟน/แท็บเล็ต ของเรา เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามตัวอย่าง ต้องซื้อ Power Bank ขนาด 6000 mAh ขึ้นไปเพื่อให้สามารถชาร์จได้ 2 รอบเต็ม

อัตราการคายประจุสำคัญมาก เพราะ Power Bank หรือ แบตเตอรี่สำรอง เมื่อได้รับการชาร์จไฟบ้านเข้าจนเต็มตัวมันเองแล้วเราก็จะถอดปลั๊ก แล้วก็พกมันเพื่อเดินทางไปกับเราระหว่างวัน ทันทีที่หยุดชาร์จไฟ Power Bank จะเริ่มคายพลังงานประจุไฟฟ้าที่เก็บไว้ ทิ้งออกไปเรื่อยๆ (สลายตัวมมันเอง) ซึ่งเป็นลักษณะเด่นของ Power Bank อยู่แล้ว ถ้าเลือกแบรนด์ต่ำๆ คุณภาพไม่ดีอัตราการคายประจุจะเร็วมากๆ มากจนมันคายหมดไปเลย (**ลองอ่านด้านบน รู้จักแบตเตอรี่ที่นำมาทำ Power Bank เสียก่อน)

เราสามารถพิจารณาข้อมูล Input-Output ได้ข้างกล่องหรือที่ตัว Power Bank เช่น

Input : DC 5V – 2.1 A (max) หมายความว่า ตอนชาร์จไฟบ้านเข้าตัว Power Bank กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าไปเก็บสูงสุดต่อหน่วยเวลา คือ 2.1 แอมป์ (ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่เร็วมากและปลอดภัยสำหรับแบตเตอรี่สำรอง) ดังนั้น ถ้าพิมพ์ว่า 1.0A (max) ก็แสดงว่า ชาร์จไฟบ้านเข้าตัว Power Bank นานมาก ยิ่งความจุ 12,000 mAh อาจนานถึง 15 ชั่วโมงเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ที่พบคือ 1.0A

Output : DC 5V-2.1 A หมายความว่า ตอนชาร์จมือถือ/แทบเล็ตเข้ากับตัว Power Bank แล้ว กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าสูงสุดต่อหน่วยเวลา คือ 2.1 แอมป์ (ยิ่งมาก ยิ่งดี 2.1 A ถือว่าเร็วมากๆ ซึ่งปกติในท้องตลาดจะมี 1.0 A กับ 2.1 A)

>>ค่า Input : ในการบอกค่าของมิลลิแอมป์ มีทั้งแบบแสดงเป็นแอมป์ หรือ มิลลิแอมป์ เอา 1000 คูณค่าแอป์ลงไปก็จะได้ค่ามิลลิแอมป์ 0.5A = 500 mAh

1A = 1000 mAh

Input คือ ไฟที่เข้าไปยัง Power Bank จะมีขนาดเท่าไหร่ วัดเป็นมิลลิแอมป์ต่อ ชม. เช่น Input : 1A คือไฟจะเข้าไปยัง Power Bank ที่ 1 แอมป์ (1000 มิลลิแอมป์ mAh) ต่อการชาร์จ 1 ชม. หาก Input น้อย เช่น 0.5A (500 มิลลิแอมป์ mAh) ต่อ ชม. ก็จะทำให้การชาร์จเข้าไปยัง Power Bank ของเรา นานกว่าปกตินั่นเอง หากชอบชาร์จเก็บไฟเร็วทันใจควรเลือก Input ที่มากกว่า หรือ เท่ากับ 1A (1000 mAh) ขึ้นไป

ตัวอย่าง : ถ้า Power Bank ของคุณ มีความจุที่ 5000 mAh แล้วมี Input ที่ 1A คุณจะใช้เวลา 5 ชม. ชาร์จไฟเก็บไว้จนมันเต็ม

**ในความเป็นจริง จากการเทสของผมไฟที่จ่ายเข้า Power Bank ก็ไม่เต็ม 1.0A แน่นอนจากการเทสของ หลายยี่ห้อ ได้ประมาณเฉลี่ยแล้วประมาณ 0.60-0.85 A หรือ ประมาณ 800 mAh ต่อชั่วโมง ผมใช้ อแดปเตอร์ไอโฟน 4 ที่จ่ายไฟสูงสุด 1.0A ถ้า Power Bank ของคุณ 5000 mAh ก็คือ 5000 หารด้วย 800 = 6.25 ชม.

***แล้วพวก Power Bank ที่บอก 30,000 mAh ตามเว็บดีลต่างๆที่ผมเห็นจะชาร์จนานกี่ ชม. ละ

ถ้าชาร์จเร็วกว่าที่ผมคำนวณละก็ คุณโดนหลอกอีกแล้ว !!!

> ค่า Output : คือ ความจุของไฟที่จะชาร์จเข้าไปยังอุปกรณ์สมาร์ทโฟน/แทบเล็ตของคุณ อันนี้สำคัญกว่าค่า Input ดังที่กล่าวมาข้างต้น เพราะว่า สมาร์ทโฟน/แทบเล็ตของคุณต้องการ Input ที่เหมาะสมในการชาร์จไฟเข้าไป มันจะบอกทั้งเวลาในการชาร์จเพื่อให้ แบตเตอรี่สมาร์ทโฟน/แทบเล็ตคุณเต็ม

Output ของ Power Bank แต่ละรุ่น มีตั้งแต่ 0.5A ไปจนถึง 2.1A โดยสังเกตุที่ด้านหลังของ Power Bank หรือ คู่มือคุณก็จะทราบว่า Output โดยแสดงเป็นตัวเลข A หรือ mAh ก็ให้เอา 1000 คูณค่า A เข้าไปจะได้ mAh ต่อชม. ถ้าเป็น สมาร์ทโฟนจอขนาด 3-5 นิ้ว แบตเตอรี่จะรองรับที่ 0.5-2A ซึ่งไม่เป็นปัญหาในการเลือก Power Bank เพราะจะใช้ได้หมดเกือบทุกยี่ห้อ แต่ถ้าเป็นแทบเล็ต ที่มีขนาดใหญ่กว่า 7 นิ้ว บางรุ่นจะใช้ 1A หรือ มากกว่าในการชาร์จ ทำให้บางครั้งคุณจึงไม่สามารถชาร์จ แทบเล็ต

โดย Power Bank ที่มี Output ต่ำกว่า 1A หรือ 1000 mAh ได้ หรือ อาจจะชาร์จได้ ก็ไม่เป็นผลดีต่อ แทบเล็ต ของคุณเพราะว่า 500 mAh แปลว่าคุณจะต้องชาร์จมันมากกว่า 10 ชม. กว่าแทบเล็ต ของคุณจะเต็ม (กรณีแทบเล็ตใช้แบตเตอรี่ที่ 5000 mAh ขึ้นไป ) และความร้อนจากการชาร์จที่นานเกินไป จะไปลดอายุการใช้งาน แบตเตอรี่ในแทบเล็ตของคุณ

ทางทฏษดี : ระยะเวลาในการชาร์จ คำนวณจากความจุแบตเตอรี่ ของคุณ หารด้วย Output ของ Power Bank เช่น I-Phone 5 มีความจุแบตเตอรี่ 1440 mAh ส่วน Power Bank คุณมี Output ที่ 500 mAh คุณจะใช้เวลาชาร์จทั้งสิ้น 1440/500= 2.88+ชม. ถึงจะเต็ม โดยเครื่องคุณจะต้องไม่เปิดใช้งาน Internet / 3G ขณะกำลังชาร์จ ไม่เช่นนั้นระยะเวลาอาจจะมากกว่า 2.88+ ชม.

**ในความเป็นจริงจากการเทสและทดสอบจากหลายแบนด์ ที่ Output 1.0 A จะได้เฉลี่ยประมาณ 0.5-0.9 สามารถชาร์จ พวกสมาร์โฟน I-Pone4, 4S, 5S, 5C, Samsung S1, S2, S3 แล้วเล่นเกมไปด้วย แบตยังเพิ่มได้จนเต็ม 100% แต่เป็นตระกูล Note2, 3, S4 จะเอาไม่ค่อยอยู่ ยิ่ง Ipad Tablet นี่ยากยิ่งกว่า ถ้า Note2, 3, S4, Ipad, Tablet แนะนำให้หาออก 2.1A จากการเทสจะได้ ประมาณเฉลี่ย 1.3-1.5 A แต่เทส Power Bank บางแบนด์บอก Output ออก 2.1A เอาเข้าจริง ออกไม่ถึง 1.0A ด้วยซ้ำ โดนหลอกอีกตามเคย T-T

พาวเวอร์แบงค์ มีตั้งแต่ 250-3,000 บาท แล้วแต่ความจุ ดีไซน์ วัสดุกรอบนอก คุณภาพของแบต แบนด์สินค้า และ ระยะเวลาการรับประกัน แล้วยังมีปัจจัยเรื่องสินค้าเรียนแบบอีก ส่วนใหญ่แบตสำรองบ้านเราของส่วนใหญามากจาก เซิ้นเจิ้น ประเทศ จีน และบอก ฮ่องกง ก็คือจีนอยู่ดีละครับ

**แต่ผมให้ข้อคิดในการเลือกซื้อแล้วกัน ถ้าให้เลือกก็คงเลือกที่ประกันยาวนานเกิน 6เดือน ขึ้นไป หาที่เคลมง่ายๆ ผู้ขายให้ข้อมูลถูกต้อง หรือผ่านมาตรฐาน MFI (ราคาเอาเรื่องอยู่) แต่ มอก. บ้านเราก็เชื่อไม่ค่อยได้เคยเห็นรีวิวอยู่เจ้าหนึ่งผ่าน มอก.

แต่หลอก มิลลิแอมป์ บอก 5200 mAh แต่แงะออกมาดูแบบเจอ 2000 mAh 2ก้อน แล้วความจุเกิน 15,000-30,000 mAhส่วนใหญ่หลอกมิลลิแอมป์ แต่บางแบนด์ออก 20400 มาแล้ว ส่วนใหญ่แบตผู้ผลิตจะใช้ขนาด 2000-2600 mAh เป็นส่วนใหญ่ ถ้าใช้แบตขนาด 3000 mAh ราคาค่อนข้างจะสูงทำให้ต้นทุนขึ้นจึงไม่เลือกใช้

Comments

Post Comments