How to เลือกฟิล์มกันรอยมือถือ ใช้ได้นาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย!

How to เลือกฟิล์มกันรอยมือถือ ใช้ได้นาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย!

10 อันดับ แท่นชาร์จไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ปี 2022 รวมแบรนด์ดัง Xiaomi, Belkin, hoco., ZMI, AUKEY

หนึ่งในอุปกรณ์ของยุคนี้ที่คนใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตขาดไม่ได้เลยคือ “ที่ชาร์จแบตเตอรี่” เพราะช่วยให้เราใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันอุปกรณ์ชาร์จแบตได้ถูกพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิด "แท่นชาร์จไร้สาย" ขึ้นมาเพื่อแก้ไขปัญหาของสายชาร์จ เช่น สายหักใน, ฉนวนหุ้มฉีกขาด, ระโยงระยางเกะกะอยู่บนโต๊ะ นอกจากนี้ แท่นชาร์จไร้สายยังมีนวัตกรรม Qi (Standard) Wireless ที่ช่วยให้สามารถชาร์จแบตได้หลายแบรนด์ในชิ้นเดียว ไม่จำกัดเฉพาะรุ่นใดรุ่นหนึ่ง กล่าวคือ แท่นชาร์จหนึ่งเครื่องสามารถชาร์จได้ทั้ง iPhone, SAMSUNG หรือสมาร์ตโฟน Android อื่น ๆ จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ไม่น้อยเลยค่ะ

ในวันนี้ เราจึงจะมาแนะนำวิธีการเลือกแท่นชาร์จไร้สาย และปิดท้ายด้วยการรวบรวม 10 อันดับ แท่นชาร์จไร้สายขายดี จากหลายแบรนด์ดัง เช่น Xiaomi, Belkin, hoco., ZMI, AUKEY เป็นต้น ซึ่งล้วนผ่านการเปรียบเทียบทั้งจากราคา, คุณสมบัติและรีวิวมาให้ทุกคนได้ดูกันก่อนที่จะตัดสินใจซื้อกัน โดยจะมีรายละเอียดอะไรบ้าง ตามไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ

รวมมือถือชาร์จไร้สาย 2022 ความสะดวกสบายของยุคนี้อีกระดับ

นอกจากการผลิตสมาร์ทโฟนที่เน้นความล้ำสมัยแล้ว ผู้ผลิตยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสมาร์ทโฟนให้มีความล้ำสมัยมากขึ้นด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Gadgets ต่าง ๆ รวมไปถึงที่ชาร์จไร้สายด้วยที่สามารถชาร์จได้อย่างง่ายดาย สะดวก และไม่มีสายมาแกะกะ ไม่ต้องคอยหาปลั๊กไฟสำหรับเสียบ สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ จึงมีฟังก์ชันชาร์จไร้สายแทบจะทุกรุ่น

การชาร์จไร้สายหรือ Wireless Charging หรือ Inductive Charging เป็นการชาร์จแบตโดยไม่ต้องมีสายชาร์จเสียบติดกับมือถือ แต่จะใช้แท่นอิเล็กทรอนิกส์ในการเหนี่ยวนำไฟฟ้า เพียงวางสมาร์ทโฟนลงบนแท่นชาร์จ สมาร์ทโฟนก็จะได้รับการชาร์จแบตได้เหมือนกับการชาร์จผ่านสายชาร์จ แต่การชาร์จด้วยแท่นจะต้องวางแท่นชาร์จให้มั่นคงและสมาร์ทโฟนควรมีเคสเพื่อป้องกันการลื่นตกจากแท่นชาร์จ

ปัจจุบันมีแท่นชาร์จหลายแบรนด์ที่ออกมาเพื่อรองรับสมาร์ทโฟนหลากหลายรูปแบบ เพื่อความสะดวกในการชาร์จไฟ แท่นชาร์จหนึ่งอันสามารถชาร์จได้หลายแบรนด์ จึงไม่ต้องกังวลเรื่องหัวชาร์จที่ไม่ตรงกันได้ด้วย

สินค้าประเภทสมาร์ทโฟนที่ออกใหม่ในปัจจุบันสามารถรองรับการชาร์จไร้สายที่มากขึ้น สมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมและสามารถชาร์จแบตแบบไร้สายได้ เช่น

แบรนด์ Samsung มีไลน์สินค้า Samsung Galaxy ที่รองรับการชาร์จแบบไร้สายและเป็นการชาร์จไร้สายแบบด่วน เช่น Galaxy Note 8, Galaxy S8, Galaxy S8 Plus, Galaxy S7/S7 Edge, Galaxy S6/S6 Edge ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นยอดฮิตของซัมซุงเลยก็ว่าได้

สมาร์ทโฟน iOS ของ Apple นี้ก็ได้รับการพัฒนาให้สามารถชาร์จแบบไร้สายได้เช่นกัน โดยรุ่นที่ชาร์จแบบไร้สายได้ เช่น iPhone iPhone 8, 8 Plus, iPhone X, iPhone 12, iPhone 13 และ iPhone 14 ที่กำลังเปิดให้จองก็สามารถรองรับการชาร์จแบบไร้สายได้เช่นกัน

โนเกียร์สามารถชาร์จแบบไร้สายด้วยแท่นชาร์จยี่ห้อ Qi และสมาร์ทโฟนหลายรุ่นของโนเกียสามารถชาร์จแบบไร้สายผ่านแท่นชาร์จนี้ได้เช่นกัน รุ่นของสมาร์ทโฟนโนเกียที่ชาร์จแบบไร้สายได้และที่ได้รับความนิยม เช่น Nokia 9 PureView Nokia G50

สมาร์ทโฟนของ Google อย่าง Pixel มีระบบรองรับการชาร์จเร็วผ่าน Google Stan ที่ผ่านการรับรองคุณภาพจาก QI ซึ่ง Google Stan สามารถรองรับสมาร์ทโฟนของกูเกิ้ลได้เกือบทุกรุ่น เช่น Pixel 6 Pro, Pixel 6, Pixel 3/3 XL, Pixel 4/4 XL และ Pixel 5

เรียกได้ว่าแบรนด์สมาร์ทโฟนในปัจจุบันต้องมีระบบชาร์จไร้สาย ซึ่ง Huawei ก็ไม่หลลุดเทรนด์นี้ มีหลายรุ่นที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ได้แก่ HUAWEI P40 Pro, P40 Pro+, Mate 30 RS, Mate 30 Pro, Mate 30, P30 Pro, Mate 20 Pro, Mate 20 RS และ Mate RS, HONOR 30 Pro+, HONOR V30 Pro และ HUAWEI MatePad Pro นอกจากนั้นยังมีอุปกรณ์ Gadgets ของ Huawei ที่รองรับการชาร์จไร้สายอีก คือ FreeBuds 2, HONOR FlyPods Pro, HUAWEI FreeBuds 3 ซีรีส์ (รุ่นการชาร์จแบบไร้สาย) และ FreeBuds Pro (รุ่นการชาร์จแบบไร้สาย)

แบรนด์เสียวหมี่รองรับการชาร์จด้วยแท่นชาร์จยี่ห้อ Qi และแท่นชาร์จของตัวเองอย่าง Xiaomi Wireless Charging Stand Mi ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนของ Xiaomi แบบไร้สายได้เป็นอย่างดี โดยรุ่นที่สามารถชาร์จไร้สาย ได้แก่ Xiaomi Mix 2S

ส่วนใหญ่การชาร์จไร้สายจะนิยมใช้รุ่น Qi เป็นแท่นชาร์จไร้สายที่ครอบคลุมสมาร์ทโฟนแบรนด์ดังหลายแบรนด์ ทั้ง Samsung iPhone Huawei และอื่น ๆ ถ้าใครไม่อยากพกสายชาร์จไปด้วยทุกที่ แค่มีแท่นชาร์จไร้สายก็สามารถชาร์จสมาร์ทโฟนหลายเครื่องได้ในแท่นเดียว หมดกังวลเรื่องลืมที่ชาร์จได้เลย

How to เลือกฟิล์มกันรอยมือถือ ใช้ได้นาน ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย!

ฟิล์มกันรอยเป็นอุปกรณ์เสริมชิ้นสำคัญ ช่วยปกป้องหน้าจอมือถือจากรอยขีดข่วน และถ้าเลือกให้ดีก็สามารถช่วยปกป้องหน้าจอจากการแตกร้าวได้ วันนี้ OfficeMate เลยจะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับฟิล์มกันรอยมือถือแต่ละประเภท พร้อมคำแนะนำในการเลือกซื้อ ว่าจะเลือกฟิล์มกันรอยแบบไหนให้คุ้มค่า และตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด! ไปดูกันเลย

ฟิล์มกันรอยแบบใสทำมาจากพลาสติก จุดเด่นอยู่ที่ความบาง ติดแล้วเหมือนไม่ได้ติด ช่วยคงความสว่าง สีสัน และความสดใสของหน้าจอเอาไว้ได้ หาซื้อได้ทั่วไป และมีราคาถูก ฟิล์มกันรอยแบบใส แบ่งออกได้ 2 ชนิด คือ

• ฟิล์มกันรอย PET : ผลิตจากพลาสติก PET เป็นพลาสติกประเภทเดียวกับขวดน้ำหรือบรรจุภัณฑ์อาหาร ราคาถูก มีคุณสมบัติช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี แต่ไม่สามารถช่วยป้องกันการแตกร้าวของหน้าจอได้ และค่อนข้างติดลายนิ้วมือง่าย ต้องคอยทำความสะอาดบ่อยๆ

• ฟิล์มกันรอย TPU : เป็นฟิล์มกันรอยแบบใสที่ได้รับความนิยมสูง มีความเหนียวและยืดหยุ่น ช่วยปกป้องหน้าจอจากรอยขีดข่วนได้ดีกว่าฟิล์มกันรอย PET ช่วยลดคราบจากรอยนิ้วมือได้ดีกว่า แต่ยังไม่เหมาะจะเป็นฟิล์มกันรอยสำหรับกันกระแทกเช่นกัน

ฟิล์มกันรอยแบบด้านทำมาจากพลาสติกเช่นเดียวกัน แต่มีจุดเด่นที่เนื้อสัมผัส จะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังสัมผัสอยู่บนกระดาษ ส่วนใหญ่ใช้เป็นฟิล์มสำหรับติดหน้าจอแท็บเล็ต สำหรับมือถือ ฟิล์มกันรอยแบบด้านช่วยลดคราบจากรอยนิ้วมือได้ดีเยี่ยม ทั้งยังช่วยลดแสงสะท้อนบนหน้าจอมือถือได้ ทำให้มองเห็นภาพชัดขึ้น แต่สีของภาพอาจจะผิดเพี้ยนจากเดิมไปนิดหน่อยและความคมชัดของหน้าจออาจจะลดลงไปเล็กน้อย เพราะฟิล์มมีคุณสมบัติในการลดแสงหน้าจอเพื่อถนอมสายตา

ฟิล์มกันรอยช่วยรักษาความเป็นส่วนตัว หรือที่เรียกกันว่า ‘ฟิล์มกันเผือก’ มีคุณสมบัติพิเศษ คือ เมื่อติดฟิล์มแล้วจะมองเห็นหน้าจอได้จากด้านหน้าเท่านั้น หากมองในมุมข้างจะเห็นหน้าจอเป็นสีดำ ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวได้เป็นอย่างดี

ฟิล์มกันรอยไฮโดรเจล (Hydrogel Film) เรียกอีกอย่างว่า ‘ฟิล์มน้ำ’ เนื้อฟิล์มบางเฉียบ แต่ความแข็งแรงทนทานเป็นเลิศ ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนได้ดี ทั้งยังช่วยดูดซับแรงกระแทกได้ เนื้อฟิล์มมีความยืดหยุ่นสูง ติดเรียบเนียนสนิทไปกับหน้าจอ ช่วยคงสีสันและความคมชัดของภาพเอาไว้ได้ดี

ฟิล์มกระจกมีความหนามากกว่าฟิล์มกันรอยแบบพลาสติก ซึ่งนอกจากจะช่วยป้องกันรอยขีดข่วนแล้ว ยังช่วยป้องกันหน้าจอมือถือแตกร้าวจากการตกหรือกระแทกได้เป็นอย่างดี มีให้เลือกทั้งแบบใสและแบบด้าน ทั้งยังสามารถเลือกได้ว่าจะติดแบบไม่เต็มจอหรือเต็มจอ ซึ่งความแตกต่าง คือ

• ฟิล์มกระจกแบบไม่เต็มจอ เมื่อติดลงบนมือถือ ขอบฟิล์มจะยาวไม่สุดขอบหน้าจอ อาจเหลือพื้นที่เล็กน้อย ประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ซึ่งฟิล์มจะไม่สามารถป้องกันบริเวณขอบจอได้ แต่ข้อดี คือ สามารถใส่กับเคสโทรศัพท์ได้ทุกรูปแบบ ไม่ต้องกลัวว่าเคสจะดันฟิล์ม สามารถใช้ควบคู่ไปกับเคสมือถือแบบกันกระแทกเพื่อปกป้องบริเวณขอบจอได้

• ฟิล์มกระจกแบบเต็มจอ ปกป้องได้เต็มหน้าจอ ช่วยป้องกันหน้าจอแตกจากการตกได้ แต่ฟิล์มกระจกแบบเต็มจอจะทำให้หน้าจอมือถือหน้าขึ้น อาจไม่สามารถใช้งานกับเคสบางประเภทได้

สำหรับการเลือกฟิล์มกระจก อีกหนึ่งอย่างที่ต้องมองหา คือ สัญลักษณ์ H ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกความแข็งแกร่งของฟิล์ม มีตั้งแต่ระดับ 1H ไปจนถึง 10H ยิ่งมีค่ามาก ก็จะยิ่งแข็งแรงทนทาน ช่วยป้องกันรอยขีดข่วนและลดแรงกระแทกได้ดีกว่า ซึ่งความแข็งของฟิล์มกระจกที่นิยมในปัจจุบันจะอยู่ที่ระดับ 9H และ 9H+

ฟิล์มกระจก UV เป็นฟิล์มกระจกสำหรับมือถือจอโค้งโดยเฉพาะ แผ่นฟิล์มไม่มีกาวในตัว การติดฟิล์มกระจก UV จะติดด้วยน้ำยาชนิดพิเศษ และฉายด้วยแสง UV แผ่นฟิล์มจะเคลือบติดแน่นไปกับหน้าจอทุกด้าน ใช้งานได้นาน ป้องกันรอยขีดข่วนและแรงกระแทกได้ดี แต่อาจจะมีราคาสูง หากจะติดฟิล์มประเภทนี้ แนะนำว่าให้ติดที่ร้านจะดีที่สุด

ฟิล์มกันรอยถนอมสายตา มีให้เลือกทั้งแบบฟิล์มใส ฟิล์มด้าน และฟิล์มกระจก โดยมีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถกรองแสงสีฟ้าจากหน้าจอมือถือได้ (Blue Light Cut) อย่างน้อย 70% (คุณสมบัติกรองแสงสีฟ้าของแต่ละแบรนด์อาจไม่เท่ากัน) ช่วยถนอมสายตา ป้องกันไม่ให้เกิดภาวะตาล้าจากการเล่นมือถือนานๆ และช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้นได้

• หากคุณมีงบประมาณไม่มาก / อยากได้ฟิล์มที่คงสีสันและความคมชัดเอาไว้ได้ แนะนำให้เลือกติดฟิล์มกันรอย TPU แบบใส ราคาถูก เปลี่ยนได้บ่อย และติดเองได้ง่าย

• หากชอบให้หน้าจอมือถือสะอาดอยู่ตลอดเวลา แบบไร้รอยนิ้วมือหรือรอยขีดข่วน หรือใช้มือถือแบบมีปากกา แนะนำให้ติดฟิล์มกันรอยแบบด้าน จะเช็ดทำความสะอาดได้ง่ายและเกิดรอยนิ้วมือยากกว่า ทั้งยังให้สัมผัสแบบกระดาษ และทัชลื่นไม่ต่างจากฟิล์มกันรอยแบบใส

• สำหรับคนที่ใช้มือถือทั้งวัน ไม่ว่าจะเล่นเกม ท่องโซเชียล หรือทำงาน แนะนำให้ติดฟิล์มกันรอยถนอมสายตา ช่วยปกป้องหน้าจอไปพร้อมๆ กับปกป้องสายตาของผู้ใช้งาน

• หากคุณชอบเล่นมือถือในที่สาธารณะ หรือหวงความเป็นส่วนตัวมากเป็นพิเศษ แนะนำให้ติดฟิล์มกันเผือก ก็จะไม่มีใครถือวิสาสะมาแอบมองหน้าจอมือถือของคุณได้อีกต่อไป

จะเห็นแล้วว่าฟิล์มกันรอยมือถือแต่ละประเภท มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ติดฟิล์มกันรอยครั้งต่อไป ก็อย่าลืมคำนึงถึงคุณสมบัติ รวมไปถึงไลฟ์สไตล์การใช้งาน สำหรับบางคนที่ใช้มือถือแบบไม่ติดฟิล์มด้วยเหตุผลที่ว่าขี้เกียจ ไม่จำเป็น หรือไม่ซีเรียสเรื่องรอย แนะนำว่าอย่าชะล่าใจไป ติดฟิล์มป้องกันไว้ก่อน ดีกว่าต้องไปเสียเงินซ่อมหน้าจอแพงๆ ทีหลังนะคะ

อยากติดฟิล์มมือถือ เข้ามาช้อปฟิล์มกระจกกันรอยมือถือได้มาตรฐาน แข็งแรงทนทานระดับ 9H ปกป้องกันรอยได้ดีเยี่ยม มีให้เลือกหลากหลายทั้ง iPhone, Samsung, OPPO และ Vivo รวมถึงอุปกรณ์เสริมสำหรับมือถืออีกมากมาย คลิกเลยที่ OfficeMate ช้อปวันนี้ ส่งฟรี เมื่อสั่งซื้อครบ 499 บาท!

Comments

Post Comments