แนะนำ 10 อันดับ สายชาร์จ Lightning ยี่ห้อไหนดี 2020 ชาร์จเร็วทันใจ ราคาดี MFi ก็มาพร้อม คุณภาพจัดเต็มแน่นอน

แนะนำ 10 อันดับ สายชาร์จ Lightning ยี่ห้อไหนดี 2020 ชาร์จเร็วทันใจ ราคาดี MFi ก็มาพร้อม คุณภาพจัดเต็มแน่นอน

สายชาร์จ Lightning เป็นไอเทมที่ใครมี iPhone iPad ต้องคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะนี่คือ สายชาร์จที่ทาง Apple ออกแบบมาเพื่อใช้คู่กับอุปกรณ์ของตัวเองโดยเฉพาะ เป็นสายชาร์จที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครตั้งแต่ดีไซน์หัวชาร์จ ความเร็วในการชาร์จ ไปจนถึงมาตรฐานในการรับส่งข้อมูล เรียกได้ว่าเฉพาะตัวจนไม่สามารถใช้สายชาร์จของรุ่นอื่นแทนได้เลย ถ้าใช้อุปกรณ์ของ Apple แล้วล่ะก็ ต้องใช้สายชาร์จ Lightning เท่านั้นครับ !

ด้วยความที่สายชาร์จไม่เหมือนยี่ห้ออื่น ๆ หยิบยืมคนอื่นใช้ก็ไม่ได้แบบนี้ ทำให้สาวก iPhone iPad ทั้งหลายจึงจำเป็นจะต้องมีสายชาร์จ Lightning ติดตัวไว้ตลอดเวลา แต่ก็มักเกิดปัญหา “ลืมสายชาร์จ” กันอยู่บ่อยครั้ง ทำให้หลายคนตัดสินใจว่าควรมีสายชาร์จ Lightning อีกเส้นสำรองไว้กันเหนียว แต่จะเลือกซื้อสายชาร์จ Lightning ตัวไหนดีละ? เพราะในตลาดก็มีสายชาร์จ Lightning หลายแบบหลายแบรนด์ให้สาวก Apple ได้เลือกซื้อเลือกใช้ แบรนด์ไหนดีที่ได้คุณภาพ ชาร์จแล้วเครื่องไม่พังทั้งยังมีราคาดี วันนี้เราจึงไปรวบรวม 10 สายชาร์จ Lightning น่าใช้มาให้คุณในบทความนี้แล้วครับ

แม้ว่าสายชาร์จ Lightning ในตลาดจะมีมากมายหลายแบรนด์ หลายรุ่น หลายฟังก์ชันเยอะแยะเต็มไปหมด แต่เราก็ยังสามารถแบ่งสายชาร์จ Lightning ตามมาตฐานและคุณภาพได้ดังนี้ครับ

1. สายชาร์จ Lightning ลิขสิทธิ์แท้ของ Apple : อธิบายแบบชัด ๆ ก็คือ สาย Lightning ที่ผลิตโดยบริษัท Apple โดยตรงเลยครับ จึงมั่นใจได้ในเรื่องของมาตรฐานการชาร์จ การถ่ายโอนข้อมูลและความปลอดภัยในการใช้งาน รับประกันโดยตรงจากทาง Apple เค้าเลย เป็นสายชาร์จที่ได้รับความนิยมมาก แต่ก็มีของเลียนแบบมากเช่นกัน เพราะมีข้อเสียตรงที่ราคาค่อนข้างแพง มีความยาวให้เลือกน้อย และถ้าจัดเก็บไม่ดีล่ะก็ ตรงหัว Lightning จะพังง่ายมาก อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการใช้งานนั้นรับประกันว่าหายห่วงได้ครับ

2. สายชาร์จ Lightning มาตรฐาน MFi : MFi ย่อมาจาก Made For iPad / iPhone หรือแปลว่า ทำมาเพื่อ iPad / iPhone นั่นเอง ซึ่งนี่เป็นมาตรฐานที่สายชาร์จ Lightning ที่ผลิตจากบริษัทอื่นจะได้รับหลังผ่านการทดสอบจาก Apple แล้วว่า สามารถใช้งานกับอุปกรณ์ iPad หรือ iPhone ได้อย่างปลอดภัย ใช้แล้วจะไม่ส่งผลกระทบทำให้เครื่องมีปัญหาอย่างแน่นอน มีคุณภาพ มั่นใจได้ พูดง่าย ๆ ก็คือ มีตราประทับมาตรฐานจาก Apple นั่นเองครับ

3. สายชาร์จ Lightning ที่ไม่มี MFi : เป็นสายชาร์จที่เรียกกันติดปากว่า ‘สายชาร์จปลอม’ นั่นเองครับ เพราะเป็นสายชาร์จ Lightning ที่ไม่ได้ผ่านการทดสอบจาก Apple ไม่ได้รับการการันตีในเรื่องคุณภาพ ความคงทน ความปลอดภัย แม้จะมีราคาถูกมาก แต่ก็จะมีความเสี่ยงสูงในเรื่องของการระเบิดหรือส่งผลให้เครื่องมีปัญหาได้มากกว่า เพื่อความปลอดภัยแล้ว ขอแนะนำว่าควรหลีกเลี่ยงสายชาร์จประเภทนี้จะดีที่สุดครับ

Anker Powerline II 3 in 1 คือ สายชาร์จ Lightning มาตรฐาน MFi จาก Anker เป็นแบรนด์ที่ถ้าพูดถึงเรื่อง IT แล้วทุกคนต้องเคยได้ยินกันมาอย่างแน่นอน ซึ่ง Anker ก็ได้ออกแบบสายชาร์จมาเพื่อคนชอบความคุ้มแบบสุด ๆ โดยมีตัวสายทำจากยางเทอร์โมพลาสติก (TPE) ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการบิดงอได้ถึง 12,000 ครั้ง พร้อมใช้เทคโนโลยี Quick Charge ที่พัฒนาบนชิปเซ็ตของ Qualcomm จึงทำให้มั่นใจเรื่องความเร็วและความเสถียรขณะชาร์จได้เลย

ไม่เพียงแค่นั้น สายชาร์จ Lightning รุ่นนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยี PowerIQ พร้อมกับ Voltage Boost ทื่ช่วยปรับค่าความต้านทานของสายชาร์จ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะของ Anker ในการคำนวณว่าอุปกรณ์ที่ชาร์จอยู่นั้นสามารถจ่ายไฟได้สูงสุดเท่าไหร่ ทำให้การชาร์จแต่ละครั้งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ฟีเจอร์เด่นของสายชาร์จรุ่นนี้คือ มาพร้อมกับอะแดปเตอร์สำหรับเปลี่ยนหัวชาร์จได้ 3 แบบ ทั้ง Micro USB, USB-C และ Lightning ไม่ว่าคุณจะมีสมาร์ตโฟน Android หรือ iPhone / iPad สายชาร์จรุ่นนี้เพียงสายเดียวก็เอาอยู่ ! ชาร์จได้หมด จบทุกอุปกรณ์เลยครับ !

แน่นอนว่า ถ้าพูดถึงสายชาร์จ Lightning มาตรฐาน MFi จะขาดสายชาร์จนี้ไปไม่ได้เลย กับ Belkin Duratek Metallic Aluminum Lightning Braided Cable ที่ออกแบบมาได้อย่างหรูหรา ดูดี โดยตัวสายชาร์จรุ่นนี้ ภายนอกหุ้มด้วยเส้นใยไนลอน ที่คอสายชาร์จก็หุ้มด้วยยาง TPE คุณภาพสูง เวลาใช้งานจริง สามารถหักงอได้ถึง 180 องศา ภายในสายมีการเสริมความแข็งแรงด้วยเส้นใยเคฟลาร์ แถมยังมีฉนวนกันไฟฟ้าหุ้มอีกชั้นเพื่อช่วยป้องกันกระแสไฟฟ้าจากภายนอกรั่วไหลเข้าไปภายในสาย ทำให้การชาร์มีความเสถียรยิ่งขึ้น ยืดอายุการใช้งานอุปกรณ์ของเราได้เยอะเลยครับ

ส่วนบริเวณหัวชาร์จก็แข็งแรงไม่แพ้กันครับ เพราะทางแบรนด์ได้นำอะลูมิเนียมมาครอบแผงวงจร ทำให้สามารถรับน้ำหนักได้มากขึ้น หายห่วงเรื่องโดนกดทับจนหัวชาร์จเสียได้เลย คุณภาพดีถึงขนาดที่ได้รับรางวัล INNOVATION OF THE YEAR จากงาน CES 2018 มาครองเลย มีรางวัลการันตีแบบนี้ แถม Belkin ยังทำสายชาร์จรุ่นนี้ออกมาถึง 4 สี ตามสีของ iPhone ทั้งสีดำ สีเงิน สีทองและสี Rose Gold ช่วยให้เราเลือกซื้อไปจับคู่กับเครื่อง iPhone ของเราได้อย่างสวยงาม ใครอยากได้สาย Lightning ที่คุณภาพคับแก้ว ต้องรับสายชาร์จรุ่นนี้ไว้พิจารณาเลยครับ

AUKEY Durable Edition คือสายชาร์จ Lightning ราคาดี มีคุณภาพและได้มาตรฐาน MFi ตัวสายชาร์จภายนอกหุ้มด้วยยาง TPE แบบเดียวกับสายชาร์จลิขสิทธิ์แท้จาก Apple พร้อมการออกแบบแบบพิเศษ Special Tangle-free ที่ทำให้ตัวสายทนทานต่อการบิด – งอ ได้อย่างเต็มที่ ม้วนได้ ดัดได้ตามการใช้งาน โดยทางแบรนด์เคลมไว้เลยว่าสายชาร์จ AUKEY Durable Edition รุ่นนี้จะทนทานกว่าสายที่แถมมากับกล่องของ Apple ถึง 5 เท่า ช่วยยืดระยะเวลาเจอปัญหาสายเปื่อยสายขาดได้นานเลยทีเดียวครับ (ใครใช้สายชาร์จจาก Apple จะเข้าใจปัญหานี้ดี)

ส่วนในเรื่องของการชาร์จ สายรุ่นนี้ยังชาร์จได้เต็มแอมป์ ทั้งเสถียรและรวดเร็วกว่าสายชาร์จที่แถมมากับกล่องของ Apple ถึง 10 % แม้จะคุณภาพมากมายขนาดนี้ แต่ราคาของสายชาร์จ AUKEY Durable Edition รุ่นความยาว 1.2 เมตร ยังถูกแสนถูก แค่ไม่ถึง 500 บาท เรียกได้ว่าราคาย่อมเยากว่าสายชาร์จแท้ของ Apple ถึงครึ่งนึงเลยทีเดียว เหมาะสำหรับซื้อเป็นสายชาร์จสำรองไว้ติดกระเป๋ามาก ๆ เลยครับ

อีกสายชาร์จกับแบรนด์ Anker ที่คราวนี้มาพร้อมกับสายชาร์จ Lightning รุ่น Powerline II แน่นอนว่าการันตีด้วยมาตรฐานของ MFi เป็นสายชาร์จที่มีรูปลักษณ์โดดเด่นมาก ๆ นั่นก็เพราะภายนอกหุ้มด้วยสายถักไนลอน และบริเวณหัวชาร์จเคลือบด้วยสารกันรอยชนิดเงา ทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี ช่วยเพิ่มความสวยงามและความทนทานไปพร้อม ๆ กัน ใครที่ชอบความแตกต่างไม่เหมือนใคร ไม่อยากใช้สายชาร์จแบบธรรมดา ๆ ล่ะก็ ต้องลองพิจารณารุ่นนี้ดูเลยครับ

ภายนอกว่าสวยแล้ว ภายในก็แข็งแรงทนทานเช่นกัน เพราะมีชั้นอะลูมิเนียม ทองแดงและยาง TPE หุ้มอีกอย่างละชั้น โดยทาง Anker เคลมไว้ว่า สายชาร์จ Lightning รุ่นนี้ทนทานต่อการดึง บิด งอ ได้มากถึง 30,000 ครั้ง แถมยังสามารถรับน้ำหนักได้ถึง 80 กิโลกรัม ตลอดอายุการใช้งาน รับรองว่าไม่มีปัญหาสายเปื่อยให้เห็นอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะอย่าง Power IQ ที่ช่วยคำนวณว่าอุปกรณ์ที่ชาร์จอยู่สามารถจ่ายไฟสูงสุดได้เท่าไหร่ พร้อมกับ Voltage Boost ทื่ช่วยปรับค่าความต้านทานของสาย ทำให้การชาร์จด้วยสายรุ่นนี้แต่ละครั้งได้ประสิทธิภาพสูงสุด รวดเร็ว แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานให้อุปกรณ์ของเราด้วยครับ

UGREEN USB C to Lightning USB เป็นสายชาร์จมาตรฐาน MFi ที่แตกต่างจากสายชาร์จ 4 ตัวที่ผ่านมา และสายชาร์จ Lightning ส่วนใหญ่ในตลาดอย่างเห็นได้ชัดครับ เพราะนี่เป็นสายชาร์จ Lightning ที่มีหัวต่ออีกด้านเป็น USB-C แทนที่จะเป็น USB-A แบบรุ่นอื่น ๆ และแน่นอนว่าหัวแบบ USB-C นี่ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวไปอีกขั้น อีกไม่นานจะเข้ามาแทนที่หัวแบบ USB-A อย่างแน่นอนครับ

แต่เพราะหัวแบบ USB-C นี่เองที่ทำให้สายชาร์จรุ่นนี้ สามารถชาร์จได้ไว ส่งต่อข้อมูลได้รวดเร็วกว่าสายชาร์จ Lightning รุ่นอื่น ๆ อย่างมาก โดยสายรุ่นนี้ สามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 0 ถึง 50% ได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 30 นาที ใครมีไลฟ์สไตล์ที่ต้องรีบเร่งอยู่บ่อย ๆ น่าจะชอบ แถมใครมี MacBook หรือโน้ตบุ๊กที่มีพอร์ต USB-C สามารถใช้สายชาร์จรุ่นนี้ต่อกับ iPhone หรือ iPad เพื่อถ่ายโอนข้อมูลได้อีกด้วย โดยความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด คือ 480Mbps จะชาร์จไฟหรือลงรูปลงวิดิโอก็รวดเร็วทันใจไปเลย แต่หากไม่มีรูให้เสียบหัว USB-C ก็จะใช้งานไม่ได้อยู่ดีครับ

เป็นอีกหนึ่งสายชาร์จ Lightning มาตรฐาน MFi จาก Belkin มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพของสายชาร์จ การใช้งานและการถ่ายโอนข้อมูลได้เลยครับ เพราะไม่ว่าสายลิขสิทธิ์แท้ของ Apple จะทำอะไรได้บ้าง สายชาร์จรุ่นนี้ก็สามารถทำได้เทียบเท่าเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการรองรับการจ่ายไฟได้สูงสุด 2.4A สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์และใช้ถ่ายโอนข้อมูลได้ และอื่น ๆ ที่สายชาร์จลิขสิทธิ์แท้ทำได้ สายชาร์จรุ่นนี้ก็ทำได้ครบถ้วนไม่ขาดตกบกพร่องเลย

นอกจากนี้ ยังเพิ่มความหรูหราทนทานด้วยการใช้วัสดุภายนอกเป็นสายถักไนลอนคุณภาพดี พร้อมด้วยหัวชาร์จเป็นอะลูมิเนียมเพิ่มความสวยงามคงทน ทั้งยังทำออกมาให้เลือกถึง 6 สีด้วยกัน ทั้งสีขาว สีดำ สีเงิน สีเทา สีทองและสี Rose Gold ให้คุณเลือกมิกซ์แอนด์แมตช์ได้ตามสไตล์ของคุณเอง สายแฟชั่นคนไหนกำลังอยากได้สายชาร์จ Lightning คุณสมบัติครบเครื่องและเบื่อสายชาร์จสีเดิม ๆ ล่ะก็ขอแนะนำรุ่นนี้เลยครับ

สมกับเป็นแบรนด์ Anker ที่มีสายชาร์จ Lightning น่าสนใจหลายรุ่นให้เลือกสรร สำหรับสายรุ่นนี้อาจจะดูธรรมดาไปบ้าง แต่ต้องขอบอกว่าได้รับความนิยมอย่างล้นหลามไม่แพ้รุ่นอื่น ที่มาพร้อมมาตรฐาน MFi รับรองว่าใช้ชาร์จ iPhone / iPad ได้ไม่มีปัญหาแน่นอน ตัวสายหุ้มด้วยยาง PVC ส่วนภายในมีการเสริมความแข็งแรงด้วยเส้นใยไนลอนที่บริเวณแกนกลาง ช่วยให้สายมีความทนทานต่อการดึง พร้อมทั้งรองรับการบิดงอได้ถึง 4,000 ครั้ง และรองรับน้ำหนักได้มากถึง 80 กิโลกรัม นอกจากนี้ยังรองรับการจ่ายไฟได้สูงสุด 2.4A แม้จะดูหน้าตาธรรมดาแบบนี้แต่คุณสมบัติไม่ได้ด้อยไปกว่ารุ่นอื่นเลยครับ

และแน่นอนว่า มาพร้อมด้วยเทคโนโลยี Power IQ ตามสไตส์ของ Anker เลยครับ ใช้สำหรับคำนวนว่าอุปกรณ์ที่ชาร์จอยู่สามารถรับไฟได้สูงสุดเท่าไหร่ และปรับกระแสไฟให้เข้ากับอุปกรณ์แบบอัตโนมัติ พร้อมกับ Voltage Boost ทื่ช่วยปรับค่าความต้านทานของสายชาร์จ ทำให้การชาร์จมีประสิทธิภาพกว่าสายชาร์จด้วยสายทั่วไปในตลาด เรียกได้ว่าให้สเปกมาพอใช้งานทั่วไปแบบเหลือเฟือเลยครับ แต่ก็น่าเสียดายที่วัสดุหุ้มสายเป็นยาง PVC ที่อาจทนความร้อนไม่ดีเท่าวัสดุแบบอื่น ทำให้เมื่อชาร์จติดต่อกันนาน ๆ อาจะทำให้อายุการใช้งานของสายสั้นลงได้ แต่เมื่อเทียบกับราคาที่อยู่แค่ประมาณ 300-400 ต่อเส้น ก็ถือเป็นสายชาร์จ Lightning ที่คุ้มค่าอยู่เช่นกันครับ

CHOETECH IP0039-BK เป็นอีกหนึ่งสายชาร์จ Lightning ที่มีหัวชาร์จอีกด้านเป็น USB-C ทำให้เรื่องการชาร์จและการส่งข้อมูล ทำได้เร็วสะใจเลยครับ โดยทางแบรนด์เคลมไว้ว่าสายชาร์จรุ่นนี้สามารถชาร์จจาก 0 ถึง 50% ได้ในระยะเวลาเพียงแค่ 30 นาที ใครลืมชาร์จก่อนนอน ตื่นมาชาร์จตอนก่อนออกจากบ้านก็ยังทัน แถมสามารถส่งข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ได้รวดเร็วถึง 480Mbps ไม่ว่าไฟล์ใหญ่แค่ไหนก็ถ่ายโอนได้อย่างเร็ว และยังสามารถทำ Reverse Charge หรือการใช้สมาร์ตโฟนอีกเครื่องเป็น Power Bank ส่งไฟชาร์จให้ iPhone ของเราได้อีกด้วย

ภายนอกของสายชาร์จ Lightning หุ้มด้วยเส้นใยไนลอนคุณภาพดี ทนทานต่อการดึง บิด งอได้ถึง 40,000 ครั้ง ขอบอกเลยว่าไม่ต้องกลัวเรื่องสายพัง กังวลแค่เรื่องสายจะหายไปอย่างเดียวก็พอครับ ที่สุดของการชาร์จเร็วแถมทนทานขนาดนี้ แต่ราคาของสายชาร์จ Lightning รุ่นนี้ กลับย่อมเยาอยู่แค่ประมาณ 300-400 บาทต่อเส้นเท่านั้น สเปกแรงแต่ราคาถูกสวนทางแบบนี้ มีติดไว้สักเส้นก็ไม่เลวเลยครับ

สินค้า IT ทั้งที จะไม่มีแบรนด์ Xiaomi ปรากฏอยู่ก็คงจะไม่ได้ ซึ่ง Xiaomi เองก็มีสายชาร์จ Lightning ออกมาตอบโจทย์สาวก Apple เช่นกัน โดยรุ่นนี้มาด้วยมาตรฐาน MFi ถ้าดูจากภายนอกและเรื่องของสเปกแล้ว ทั้งวัสดุหุ้มสายที่เป็นยาง TPE สีขาวล้วน สามารถรองรับการชาร์จไฟได้ 2.4A รวมถึงขนาดและการออกแบบหัวชาร์จ โดยรวมแล้วเรียกได้ว่าสายชาร์จรุ่นนี้แทบจะไม่ต่างจากสายชาร์จลิขสิทธิ์แท้ของ Apple เลยครับ

แต่สิ่งที่ทำให้สายรุ่นนี้แตกต่างจากสายของ Apple ก็คือ เป็นสายชาร์จมาพร้อมกับอะแดปเตอร์สำหรับเปลี่ยนหัวชาร์จได้ถึง 3 แบบ ทั้ง Micro USB, USB-C และ Lightning ทำให้สามารถใช้ชาร์จได้ทั้งสมาร์ตโฟน Android และ iPhone หรือ iPad ได้ครบภายในสายเดียวกันเลย ถือเป็นคุณสมบัติที่เอาใจคนชอบความคุ้มค่าโดยแท้จริง แต่ก็น่าเสียดายที่เรื่องของวัสดุหุ้มสายที่ยังเป็นยาง TPE อยู่ ทำให้เรื่องความทนทานอาจจะยังไม่เท่ากับสายที่หุ้มด้วยเส้นใยไนลอน แต่เมื่อเทียบกับราคา แถมฟังก์ชันที่สามารถชาร์จได้ทั้ง 3 หัว ก็ถือว่าคุ้มค่าตามสไตล์สินค้าของ Xiaomi เค้าเลยครับ

ถือเป็นสายชาร์จ Lightning ที่มีฟังก์ชันการใช้งานที่น่าสนใจมาก ๆ ครับ เพราะ Mcdodo Thor Series มีคอนเซ็ปการออกแบบเพื่อแก้ไขปัญหาสายชาร์จเกะกะเวลาเล่นไปชาร์จไปโดยเฉพาะเลย ทางแบรนด์ได้ออกแบบพิเศษด้วยการใช้แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์แบบยืดหยุ่น FPC ในการทำวงจรภายใน ทำให้นอกจากจะรองรับการจ่ายไฟได้สูงสุด 2A แล้ว ยังสามารถออกแบบให้คอของสายชาร์จรุ่นนี้สามารถพับ 180 องศาได้แบบสบาย ไม่ฝืน ใช้นานๆไม่เกิดปัญหาแน่นอน

และตัวสายยังมีจุกสุญญากาศติดแนบสนิทไปกับด้านหลังของสมาร์ตโฟนของเรา ทำให้หมดปัญหาเรื่องสายเกะกะ พันมือพันขา สามารถถือเล่นได้อย่างถนัดเลยครับ เหมาะมากสำหรับเหล่าเกมเมอร์ที่ต้องการชาร์จไปเล่นไป เพราะนอกจากแบตเตอรี่จะเต็มเพื่อเตรียมพร้อมรบตลอดเวลาในเกม สายชาร์จยังไม่กวนใจ สามารถโชว์ฝีมือได้อย่างคล่องตัวอีกด้วย จึงจัดว่าเป็นสายชาร์จอีกหนึ่งรุ่นที่ในวงการเกมสมาร์ตโฟนถือว่าต้องมีติดไว้เลยครับ

ด้วยความที่ สายชาร์จ Lightning มีหลายรุ่น หลายแบรนด์ หลายราคาแบบนี้ แล้วเราจะมีวิธีเลือกซื้อสายชาร์จ lightning อย่างไรให้ตรงกับความต้องการของเรา? ถ้าเพื่อน ๆ กำลังสงสัยข้อนี้อยู่ เราขอแนะนำวิธีการเลือกสายชาร์จ Lightning เพื่อเป็นไอเดียช่วยคุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้นครับ

หลายคนคงเคยเห็นสายชาร์จราคาถูก เส้นละสิบบาทที่ขายอยู่ในตลาด พลางก็นึงสงสัยว่า ในเมื่อสายชาร์จเส้นละสิบบาทก็ชาร์จ iPhone ของเราได้ แล้วเราจะใช้สายชาร์จเส้นละหลายร้อยไปทำไม? คำตอบของคำถามนี้ ก็คงเป็นข่าวอุบัติเหตุไฟใหม้ ไฟช๊อต ชาร์จแล้วโทรศัพท์ระเบิดที่เราเห็นบ่อย ๆ ตามสื่อนั่นแล่ะครับ สาเหตุหลักของอุบัติเหตุพวกนี้ ก็มาจากการใช้สายชาร์จและอุปกรณ์ชาร์จที่ไมได้คุณภาพนั่นเอง

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว เราเลยอยากแนะนำให้คุณเลือกลงทุนใช้สายชาร์จ Lightning ที่ได้คุณภาพ ได้มาตรฐาน MFi ดีกว่าครับ เพราะสายชาร์จประเภทนี้จะได้รับการทดสอบและรับรองาแล้วว่าใช้งานได้ ไม่ทำให้เครื่องมีปัญหาแน่นอน ชาร์จแล้วปลอดภัย สายทนทาน ใช้ได้นานอีกด้วยครับ

2. เลือกตามอะแดปเตอร์และหัวชาร์จของสายชาร์จ Lightning

สาย Lightning ที่ขายอยู่ในตลาดตอนนี้ มีทั้งแบบที่หัวอีกด้านสำหรับต่อกับอะแดปเตอร์เป็น USB-A หัวใหญ่ทั่วไป กับแบบที่เป็น USB-C ที่เป็นหัวแบบเล็กรุ่นใหม่ ซึ่งเราก็ต้องดูว่าอะแดปเตอร์ที่เรามีนั้นเป็นช่องแบบไหน ถ้าเราใช้อะแดปเตอร์ที่เป็นช่อง USB-A อยู่ แต่ดันซื้อสายที่เป็น USB-C ไป ก็ใช้ร่วมกันไม่ได้นะครับ

พอเลือกอะแดปเตอร์ว่าเป็น USB-A หรือ USB-C ได้แล้ว ก็อย่าลืมคำถึงอีกด้านของสายด้วยนะครับว่า เป็นหัวชาร์จแบบไหน ปกติสายชาร์จ Lightning ก็จะเป็นหัวแบน ๆ เล็ก ๆ ตาม Apple อยู่แล้ว แต่ถ้าใครอยากได้ความคุมค่าเพิ่มมากขึ้น อยากซื้อสายเดียวเอาไปใช้เชื่อมต่อได้หลายเครื่องเลย เราแนะนำให้ซื้อสายแบบที่มีหัวชาร์จครบถ้วนทั้ง Micro USB, USB-C และ Lightning ทั้งหมดในสายเดียวไปเลย เช่นสายชาร์จ Lightning Anker Powerline II 3 in 1 หรือสายของ Xiaomi Original 3 in 1 ครับ ถ้าซื้อสองสายนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องหัวชาร์จอีกต่อไป จะเจออุปกรณ์จากค่ายไหน แบบไหน ก็สามารถชาร์จไฟและเชื่อมต่อข้อมูลได้อย่างแน่นอนครับ

3. เลือกจากความเร็วในการชาร์จของสายชาร์จ Lightning

เราคงไม่อยากต้องนั่งรอหลายชั่วโมงเพื่อชาร์จ iPhone เครื่องเดียวใช่ไหมครับ ทำให้ความเร็วในการชาร์จถือเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อสายชาร์จ Lightning เลย โดยเราขอแนะนำให้เลือกสายชาร์จที่รองรับการจ่ายไฟอย่างต่ำได้ 2.4A นะครับ เพราะเป็นมาตรฐานการชาร์จของสาย Lightning ในปัจจุบัน รับรองว่าชาร์จเร็วทันใช้แน่นอน แต่ก็ต้องใช้ร่วมกับอะแดปเตอร์ปลั๊กที่รองรับการจ่ายไฟ 2.4A ด้วยนะ เพราะหากใช้สายชาร์จที่รองรับการจ่ายไฟได้ต่ำกว่า 2.4A ก็อาจใช้ระยะเวลาในการชาร์จให้เต็มนานขึ้นหน่อย

แต่ถ้าใครที่คิดว่า 2.4A ยังชาร์จไม่เร็ว ไม่แรงทันใจตอนนี้ในตลาดก็มีสายชาร์จ Lighning ที่รองรับการจ่ายไฟได้สูงถึง 3A วางจำหน่ายแล้วด้วยครับ ใช้แล้วรับรองว่าระยะเวลาในการชาร์จจะเร็วขึ้นอย่างแน่นอน โดยวิธีดูว่าสายชาร์จ Lighning รุ่นไหนรองรับการจ่ายไฟได้ 3A นอกจากดูที่รายละเอียดข้างกล่องแล้ว ให้เลือกสายชาร์จ Lightning ที่มีหัวอีกด้านเป็น USB-C ครับ เพราะหัวแบบเดิมที่เป็น USB-A จะรองรับการจ่ายไฟได้สูงสุดแค่ 2.4A แต่ USB-C เป็นหัวที่พัฒนามาให้รองรับมาตรฐานการจ่ายไฟที่มากขึ้น สูงสุดถึง 3A แรงขนาดสามารถนำไปชาร์จโน้ตบุ๊กได้เลยครับ

ความยาวก็สำคัญเช่นกัน เพราะถ้าเราเลือกสายชาร์จ Lightning ที่มีความยาวไม่ตรงกับการใช้งาน เมื่อนำไปชาร์จจริงก็อาจเกิดความไม่สะดวกขึ้น เช่น ซื้อสายยาวเกินไป ทำให้เวลาพกพาก็รุ่มร่ามลำบาก ม้วนใส่กระเป๋าก็กินพื้นที่ ซื้อสายสั้นไปก็ชาร์จไปใช้งานไปไม่สะดวก เราจึงขอแนะนำว่าให้ใช้สายยาวประมาณ 90 cm – 100 cm ซึ่งเป็นความยาวที่ไม่ยาวไม่สั้นเกินไป สามารถม้วนเก็บได้กำลังพอเหมาะพอดีครับ

แต่ถ้าคิดว่าสาย 90 cm – 100 cm นั้นยาวไม่พอจากตำแหน่งปลั๊กไฟที่บ้านล่ะก็ แนะนำให้หาซื้อปลั๊กพ่วงมาเสริมเพิ่มเติมได้ครับ ไม่เช่นนั้นก็อาจจะต้องซื้อสายชาร์จ Lightning ทั้งแบบยาวเส้นหนึ่งไว้สำหรับใช้งานอยู่บ้าน กับอีกเส้นหนึ่งเอาไว้สำหรับพกพาไปใช้งานข้างนอก ซึ่งการมีหลาย ๆ เส้นไว้สลับกันใช้นั้น ถือเป็นการช่วยถนอมการใช้งานของสายชาร์จไม่ให้เสื่อมไวเกินไปอีกด้วยครับ

แอบกระซิบว่า สาเหตุที่คนใช้ iPhone หรือ iPad หลายคนต้องซื้อสายชาร์จใหม่ ก็เพราะว่าสายชาร์จเดิมที่แถมมาในกล่องนั้นเปื่อยง่ายซะเหลือเกิน ดังนั้นจะซื้อสายชาร์จ Lightning ใหม่ทั้งที ก็ต้องเอาที่ทนทานไปเลย โดยความทนทานของสายนั้นก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการประกอบเป็นหลัก โดยวัสดุที่นิยมนำมาหุ้มสาย Lightning มากที่สุดในตลาดตอนนี้ก็คงเป็นเส้นใยไนลอน เพราะมีความแข็งแกร่งทนทานต่อการบิดงอได้ดีเยี่ยม ทั้งยังมีราคาถูกที่สุด ใช้ได้นาน ไม่ต้องห่วงเรื่องสายเปื่อย ถ้าง่าย ๆ ก็ดูจากการทนต่อการบิดงอก็ได้ครับ ว่าสายชาร์จ Lightning เส้นนี้ สามารถทนต่อการบิดงอได้เท่าไร ยิ่งทนต่อการบิดงอได้มาก สายก็ยิ่งมีความทนทานครับ

ส่วนภายในก็สำคัญเช่นกันครับ เราแนะนำให้เลือกสายชาร์จที่มีการเสริมความแข็งแรงภายในด้วย ไม่ว่าจะเป็นการเสริมเส้นใยเคฟลาร์ หรือฉนวนกันไฟฟ้า เพื่อให้สายชาร์จของสามารถชาร์จได้เต็มประสิทธิภาพและทนทานใช้ได้นานนั่นเองครับ

6. เลือกจากความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลของสายชาร์จ Lightning

นอกจากสายชาร์จ Lightning จะใช้ในการชาร์จแบตเตอรี่เพิ่มพลังงานให้ iPhone หรือ iPad ของเราแล้ว บางรุ่นยังสามารถใช้ในการถ่ายโอนข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ของเราได้อีกด้วย (Sync and Charge) หากเราต้องการใช้ความสามารถนี้ ก็ให้เลือกสายชาร์จ Lightning ที่สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ความเร็วสูงสุด 480 mbps นะครับ เพราะนี่คือความเร็วสูงสุดที่สาย Lightning จะสามารถถ่ายโอนได้ เพื่อที่เวลาใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นลงภาพ ลงข้อมูลจะได้ไม่รอนานครับ

และนี่ก็คือ 10 สายชาร์จ Lightning น่าใช้ ทนทาน ชาร์จไว มีคุณภาพ พร้อมทั้งวิธีเลือกสายชาร์จ Lightning ให้ตรงกับความต้องการที่เรานำมาเสนอกัน มีสายชาร์จแบรนด์ไหนถูกใจกันบ้างครับ? และแน่นอนว่า iPhone กับ iPad นอกจากจะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร และใช้เพื่อความบันเทิงแล้ว สำหรับหลาย ๆ คนยังใช้เป็นเครื่องมือในการทำงานอีกด้วย หากอุปกรณ์มีปัญหาแบตเตอรี่หมด ชาร์จไม่ทันเวลาพรีเซนต์งาน รับรองว่าต้องเกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน

ซึ่งการใช้สายชาร์จ Lightning ที่ไม่ได้คุณภาพมาชาร์จก็อาจทำให้ต้องรอนานเกินเหตุ แถมยังทำให้อุปกรณ์ของเราเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ หรือถึงขั้นไฟฟ้าลัดวงจร ทำให้อุปกรณ์พังเปิดไม่ติดเลยก็เป็นได้ หรือหนักกว่าเพราะมีบางเคสที่ใช้สายชาร์จปลอม เกิดไฟฟ้าลัดวงจรจนเกิดไฟใหม้เลยก็มี ดังนั้น เราจึงควรเลือกใช้สายชาร์จที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน เพื่อเป็นการถนอมให้ iPhone หรือ iPad อยู่กับเราไปนาน ๆ นะครับ จ่ายแพงกว่าไม่กี่ร้อย ดีกว่าเสียแล้วต้องซื้อใหม่หลายหมื่นนะครับ

Comments

Post Comments