ชาร์จแบบมีสาย VS แบบไร้สาย แบบไหนดีกว่ากัน-JD

ชาร์จแบบมีสาย VS แบบไร้สาย แบบไหนดีกว่ากัน-JD

รีวิว Wireless Charger แท่นชาร์จไร้สาย ชาร์จง่าย หยิบใช้สะดวก รองรับทุกรุ่นสมาร์ทโฟน

ครั้งนี้ทางไทยแวร์มีแกดเจ็ตดีๆ มานำเสนอเพื่อนๆ กันอีกแล้ว ซึ่งคราวนี้ก็คือ Wireless Charger หรือแท่นชาร์จสมาร์ทโฟนแบบไร้สายนั่นเอง เพียงเพื่อนๆ นำสมาร์ทโฟนมาวางไว้บนแท่น ก็จะสามารถชาร์จได้โดยไม่ต้องใช้สายชาร์จใดๆ มาต่อให้เกะกะ เหมาะสำหรับใครหลายๆ คนที่หยิบสมาร์ทโฟนมาใช้งานบ่อยๆ เพราะไม่ต้องใส่ๆ ถอดๆ สายชาร์จให้เสียเวลา สำหรับ Wireless Charger รุ่นนี้ จะเป็นยังไงกันบ้างนั้น ไปชมรีวิวกันได้เลย

แกะกล่องออกมาก็จะพบกับแท่น Wireless Charger พร้อมสาย Micro USB สั้นๆ ที่จะต่อไว้ข้างๆ โน้ตบุ๊คก็น่ารักดี หรือถ้าสายยาวไม่พอ เพื่อนๆ จะใช้สายชาร์จสมาร์ทโฟนทั่วไปที่เป็น Micro USB มาต่อก็ได้

สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นที่รองรับการชาร์จแบบไร้สายอย่าง Samsung Galaxy S6 อยู่แล้ว ก็สามารถวางบนแท่นโดยตรงเพื่อใช้งานกันได้เลย ไม่มีปัญหาอะไร

สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่ไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ก็มีอุปกรณ์ Wireless Charger Receiver ไว้ต่อเพื่อใช้งานร่วมกันได้

รุ่นที่ตัว Receiver รองรับนั้นก็มีดังที่เห็นในภาพ

หน้าตาของตัว Receiver จะเป็นแผ่นแบนๆ ที่มีสายต่อไว้กับพอร์ทของสมาร์ทโฟน

เมื่อติดตั้งแล้วจะมีหน้าตาแบบนี้ เพื่อนๆ อาจจะเอาเทปแปะหรือใส่ไว้ใต้เคสมือถือเพื่อความเรียบร้อยได้ตามสะดวก

เวลาวางบนแท่นชาร์จต้องให้แผ่น Receiver ตรงกับแท่นซักเล็กน้อย เพื่อการชาร์จที่มีประสิทธิภาพ

ถึงจะใช้เวลาไม่เร็วเท่าการชาร์จปกติ แต่ก็เร็วพอสำหรับการใช้งานเล็กๆ น้อยๆ ระหว่างวัน แถมยังสะดวกในการชาร์จอีกด้วย

และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งแกดเจ็ตดีๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่ใช้งานสมาร์ทโฟนบ่อยๆ ควรมีติดตัวไว้ใช้ เพราะนอกจากจะสะดวกในการชาร์จแล้ว ยังช่วยถนอมพอร์ต USB ของสมาร์ทโฟนอีกด้วย หากเพื่อนๆ สนใจสามารถไปชมสินค้า Wireless Charger กันได้ที่นี่เลย

+ “แท่นชาร์จมือถือไร้สาย” (Wireless Charger) ยี่ห้อไหนดี 2022 รวมมาแล้ว รีวิว 10 ยี่ห้อ +

ยุคนี้การชาร์จด้วยแท่นชาร์จไร้สาย ช่วยเพิ่มความสะดวกในการชาร์จสมาร์ทโฟนคู่ใจเราได้เป็นอย่างมาก ไม่มีสายไฟยาวให้รกรุงรัง สามารถวางบนโต๊ะทำงานให้ดูสวยมีความมินิมอลได้อีกด้วย แถมยังเป็นการช่วยถนอมพอร์ตชาร์จไปในตัว ใครเจอปัญหาพอร์ตชาร์จมือถือเสียบ่อย คงจะต้องถูกใจนวัตกรรมตัวนี้เอามาก ๆ แล้วเราจะเลือกซื้อแท่นชาร์จไร้สาย ยี่ห้อไหนดี ในบทความนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับรุ่นที่น่าสนใจ จะมีอันไหนมีฟีเจอร์เด็ด ๆ ตอบโจทย์การใช้งานของเรา จนต้องมีเสียตังค์กันบ้างตามไปอ่านกันเลยครับ

วิธีเลือกซื้อแท่นชาร์จมือถือไร้สาย

เลือกแบบตั้งได้ สำหรับคนทำงานบนโต๊ะ ที่ต้องการดูแจ้งเตือน Notification ทั้งหลายได้อย่างสะดวก แจ้งเตือนมาปุ๊บต้องเห็นแน่นอนเพราะแสงจอจะกระทบสายตาเราเวลานั่งทำงาน จะได้ไม่พลาดการติดต่อสำคัญครับ

เลือกวัสดุกันลื่น จะช่วยป้องกันมือถือเราไม่ให้ลื่นหลุดออกจากแท่นชาร์จเมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันได้ อย่าลืมสังเกตวัสดุด้วยครับ

เลือกที่สามารถชาร์จ Apple Watch และ AirPod ใครที่เป็นสาวก Apple มีอุปกรณ์ของแบรนด์นี้ครบเซ็ทแล้วละก็ อย่าได้ลืมที่ชาร์จที่สามารถชาร์จพร้อมกันได้เพื่อความสะดวกครับ

เลือกแท่นชาร์จไร้สายที่รองรับการชาร์จเร็ว มาตรฐาน Qi (ชี่) เป็นมาตรฐานกลางในการชาร์จมือถือแบบไร้สาย (Apple Watch ชาร์จไร้สายด้วยเทคโนโลยีอื่น) ในปัจจุบันจะรองรับความเร็ว 7.5 Watt แต่ผู้ผลิตหลายยี่ห้อโดยเฉพาะแบรนด์อย่าง Huawei Xiaomi Samsung Apple ก็ผลิตที่ชาร์จไร้สายรุ่นที่ทำความเร็วได้สูงกว่าออกมา ก่อนซื้ออย่าลืมเช็ครุ่นมือถือที่ใช้งานว่ารองรับ Fast Wireless Charging ได้ไหมด้วยครับ หลายยี่ห้อรองรับการชาร์จเร็วได้เฉพาะยี่ห้อตัวเองเท่านั้น ถ้าไม่รองรับก็จะชาร์จได้ที่ 7.5 Watt แทนนะครับ

ตารางเปรียบเทียบรีวิว “แท่นชาร์จมือถือไร้สาย” ยี่ห้อไหนดี

สำหรับใครที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน อยากดูแท่นชาร์จมือถือไร้สาย แบบสั้น ๆ วางเรียงเปรียบเทียบ ราคา, จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน, รูปแบบของพอร์ต, กำลังจ่ายไฟ, วัสดุ และอื่น ๆ เพื่อช่วยให้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น แนะนำให้กดเข้าไปที่ปุ่มสีแดงด้านล่างได้เลย หรือถ้าอยากอ่านแบบเต็ม ๆ ก็เลื่อนผ่านปุ่มสีแดง ไปดูรีวิวสินค้าต่อเลยครับ

1. eloop W5 All in one Charger + แบตสำรองชาร์จไร้สาย 10000mAh

เป็นแท่นชาร์จมือถือไร้สายที่ดีงาม จนอยากแนะนำเป็นลำดับที่ 1 สำหรับ W5 All in one Charger + แบตสำรองชาร์จไร้สาย 10000mAh จากแบรนด์ eloop ชื่อรุ่นตามนี้เลย จริง ๆ ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลที่บอกว่ามันดีงามด้วย เพราะในราคาพันนิด ๆ นอกจากจะได้แท่นชาร์จที่สามารถใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 6 พอร์ต คือ 1 Wireless Charging, 2 พอร์ตซูเปอร์ชาร์จ 27 วัตต์ ที่แบ่งเป็น USB-A กับ USB-C และอีก 3 พอร์ตชาร์จเร็ว 15 วัตต์ แบบ USB-A แล้วยังได้พาวเวอร์แบงค์ไร้สายความจุ 10,000 มิลลิแอมป์ พร้อมพอร์ตชาร์จเร็ว 18 วัตต์ สามารถชาร์จเร็วได้ทั้ง Samsung Huawei Oppo Vivo Xiaomi Apple ทุกรุ่นที่รองรับเลยครับ

ในส่วนของการใช้งาน เพียงต่อปลั๊กไฟบ้านเข้ากับแท่นชาร์จ ก็สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้ทั้ง 6 พอร์ต พร้อมกันโดยไม่เป็นอันตราย ด้วยอแดปเตอร์กำลังจ่ายไฟสูงสุดถึง 60 วัตต์ เมื่อชาร์จพร้อมกันหลายอุปกรณ์ ทำให้เจ้า eloop W5 All in one Charger ตัวนี้เพียงตัวเดียว จบครบทุกอุปกรณ์จริง ๆ ส่วนตัวพาวเวอร์แบงค์ก็สามารถใช้งานเป็น Wireless Charger ได้อีกด้วย สามารถใช้เป็นแท่นชาร์จไวร์เลสได้เพียงแค่เสียบพาวเวอร์แบงค์ลงบนแท่นชาร์จเท่านั้น สรุปว่าเป็นแท่นชาร์จมือถือไร้สายที่สะดวก ใช้งานได้หลากหลายเป็นพาวเวอร์แบงค์ไวร์เลสก็ได้ คุ้มค่า หน้าตาดี มีไว้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน 6 Port Type Wireless Charging / USB-C / 4 USB-A กำลังจ่ายไฟ (Maximum) 60W ( 27 / 15 / 10 ) วัสดุ ABS ขนาด 16.1 x 5.8 x 1.6 cm น้ำหนัก 86.5g สี ดำ

2. Apple MagSafe Charger

อุปกรณ์เสริมในตระกูล Apple ที่สาวกตัวจริงต้องมี สำหรับแท่นชาร์จไร้สาย MagSafe Charger สีขาวสุดมินิมอลเอกลักษณ์ของแบรนด์ พร้อมกรอบอลูมิเนียมดูเรียบหรูสมราคา สามารถชาร์จได้ทีละ 1 อุปกรณ์ แต่ต้องเป็นเครื่องที่รองรับการชาร์จไร้สายระบบ Qi (ชี่) หรือตั้งแต่ iPhone 8 ขึ้นไป AirPods รุ่น 3 กับ Pro ก็ใช้ได้ ทั้งนี้อุปกรณ์ของแบรนด์อื่น ๆ ที่รองรับมาตรฐาน Qi ก็สามารถใช้งานได้เช่นกันครับ

แต่หากเป็น iPhone 12/12 Pro กับ 13/13 Pro จะมีแม่เหล็กที่สามารถประกบกันได้พอดีเป๊ะกับแท่นชาร์จ จึงดูดติดแน่นเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้ชาร์จได้เป็นอย่างดี ส่วนฟีดแบคจากผู้ใช้งานไปในทางที่ดี แบรนด์นี้ไม่มีทำให้เสียชื่อ ตัวแม่เหล็กยึดเกาะแน่นดีมาก บางคอมเมนต์บอกว่าแน่นจนแกะทีมีรอยวงกลมหลังเครื่อง แต่แค่เช็ดเบา ๆ รอยก็หายไปไม่ใช่ปัญหา ส่วนการใช้งานร่วมกับเคสซิลิโคนนั้น สามารถชาร์จไฟเข้าเป็นปกติ แต่ตัวแม่เหล็กยึดเกาะได้ไม่ค่อยดี อาจต้องลองเปลี่ยนไปใช้เคสโลหะ หรือถอดเคสเวลาชาร์จ น่าจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้ครับ

จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน 1 Port Type Wireless Charging กำลังจ่ายไฟ (Maximum) 15W วัสดุ Aluminum ขนาด 8.2 x 8.2 x 1.8 cm น้ำหนัก 45.3g สี ขาว

3. hoco. CW21 Wisdom 3-in-1 wireless charger

hoco. CW21 Wisdom 3-in-1 wireless charger แท่นชาร์จมือถือไร้สาย ที่รองรับ Urban Lifestyle ได้อย่างแท้ทรู เพราะทุกวันนี้วิถีชีวิตของคนเมืองรุ่นใหม่ไม่ได้มีแค่สมาร์ทโฟนแล้ว นาฬิกาที่ใส่ก็ต้องเป็น Apple Watch ไหนจะต้องมี AirPods ไว้ฟังเพลงหรือยูทูบระหว่างการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ซึ่งพอกลับถึงบ้านหรือคอนโดทุกวันก็ต้องวุ่นวายหาสายชาร์จแต่ละอย่าง ถ้ามีแท่นชาร์จมือถือไร้สายรุ่นนี้สบายเลย แค่แปะ วาง เสียบ ก็สามารถชาร์จทั้ง 3 อุปกรณ์ ได้พร้อมกันทีเดียวเลยครับ

วัสดุเป็นพลาสติก ABS กับ PC ดีไซน์มินิมอลดูทันสมัยและเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับสีขาว ในส่วนของพอร์ตที่รองรับสมาร์ทโฟนนั้นมีกำลังจ่ายไฟสูงสุดอยู่ที่ 10 วัตต์ สามารถใช้ได้กับโทรศัพท์ทุกรุ่นที่รองรับการชาร์จไร้สายระบบ Qi (ชี่) ส่วนพอร์ตสำหรับ Apple Watch และ AirPods กำลังจ่ายไฟคือ 2 และ 3 วัตต์ ตามลำดับ ฟีดแบคส่วนใหญ่ค่อนข้างพอใจ ใช้งานได้ค่อนข้างดี มีบ้างที่หลังจากชาร์จ Apple Watch แล้ว ตัวเครื่องเกิดความร้อนอุ่น ๆ นิดหน่อย ส่วนใครที่ชาร์จมือถือไม่ได้ แนะนำให้ลองตรวจสอบรุ่นมือถือก่อนว่ารองรับไวร์เลสชาร์จหรือเปล่า ไม่ก็อาจจะต้องลองถอดเคสช่วยในกรณีที่เคสหนาหรือใช้วัสดุที่กันการส่งพลังงานได้ แนะนำให้ใช้หัวชาร์จ QC3.0 ด้วยครับ

จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน 3 Port Type 10W (Max), 2W Wireless Charging / Lightning กำลังจ่ายไฟ (Maximum) 10W / 2W / 3W วัสดุ ABS + PC ขนาด 20 x 9.2 x 5 cm น้ำหนัก 148g สี ขาว

4. HUAWEI SuperCharge Wireless Car Charger

หากจะพูดถึงความสำคัญของแท่นชาร์จมือถือไร้สาย ไม่ได้มีแค่ที่บ้านหรือที่ทำงานเท่านั้นนะ แต่บนรถนี่ก็จำเป็นมาก ๆ เลย โดยเฉพาะเวลาที่ต้องขับไปในที่ ๆ ไม่เคยไป ไม่รู้เส้นทาง จำเป็นต้องใช้แมปหรือระบบนำทาง ซึ่งก็หนีไม่พ้น Google Maps ยอดนิยมที่ต้องใช้บนมือถือแน่นอน สามารถบอกได้แม้กระทั่งถนนตรงไหนรถติดเยอะ คนส่วนใหญ่จึงนิยมใช้วิธีขับรถไป ดูแมปในมือถือไปด้วย ซึ่งตรงนี้แหละที่กินแบตแบบสุด ๆ แต่ด้วย HUAWEI SuperCharge Wireless Car Charger แท่นชาร์จมือถือในรถแบบไร้สาย จะช่วยคืนชีพแบตเตอรี่ให้สมาร์ทโฟนของคุณอย่างรวดเร็ว สามารถจ่ายไฟสูงสุดถึง 50 วัตต์เลยทีเดียวครับ

มาพร้อมเซ็นเซอร์คู่อัจฉริยะบริเวณมือจับข้างตัวเครื่อง ที่จะยืดออกเมื่อต้องการวางโทรศัพท์ลงไปที่แท่นชาร์จ หลังจากนั้นจะหดเข้าให้กระชับพอดีแบบอัตโนมัติ ซึ่งเมื่อต้องการนำโทรศัพท์ออก เซ็นเซอร์คู่นี้ก็จะทำงานโดยอัตโนมัติเช่นกัน และถึงแม้จะเป็นอุปกรณ์เสริมแบรนด์หัวเว่ย แต่สามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นทุกยี่ห้อที่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย แต่ความเร็วในการชาร์จจะเป็นแบบปกติ ใส่เคสอยู่ก็ชาร์จเข้า ขอแค่ความหนาไม่เกิน 3 มิลลิเมตร และไม่ใช่เคสโลหะ ติดตั้งก็ง่าย แค่เสียบฐานยึดไว้กับช่องแอร์ แล้วเสียบหัวชาร์จในช่องจุดบุหรี่ เพียงเท่านี้ก็เรียบร้อยครับ

จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน 2 (แท่นชาร์จ / หัวชาร์จ) Port Type Wireless Charging / USB-A กำลังจ่ายไฟ (Maximum) 66W (Wireless 50 W) วัสดุ แก้ว / คาร์บอน ขนาด 7.35 x 11.8 x 4.05 cm น้ำหนัก 194g สี ดำ

5. LUKEN 4 IN 1 DUAL WIRELESS CHARGING STAND

ราคาโดยประมาณ 660 บาท หาซื้อสินค้ากันได้ที่ Shopee

โดนใจสายแกดเจ็ต พร็อพเยอะ Apple Watch ก็มา AirPods ก็มี พกโทรศัพท์ที 2 เครื่อง หรือจะเป็นคู่รักที่อยู่ร่วมกันก็ดี ถึงเวลาชาร์จอุปกรณ์แต่ละที ต้องหาปลั๊กกันให้วุ่นวาย สายชาร์จระโยงระยางวุ่นวายไปหมด แต่ปัญหานั้นจะหมดไปในพริบตา ด้วย LUKEN 4 IN 1 DUAL WIRELESS CHARGING STAND แท่นชาร์จมือถือไร้สายที่ชาร์จพร้อมกันได้ถึง 4 อุปกรณ์ ทั้ง Apple Watch, AirPods และสามารถชาร์จสมาร์ทโฟนได้พร้อมกันถึง 2 เครื่องอีกด้วยครับ

บริเวณจุดชาร์จสมาร์ทโฟนหลักจะมีพนักพิงหลัง จึงสามารถเป็นแท่นวางใช้งานมือถือระหว่างชาร์จได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอน แต่หากวางแนวนอนจะไปกินพื้นที่ชาร์จโทรศัพท์อีกเครื่อง ทำให้ชาร์จได้เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ตรงนี้อาจไปลดประสิทธิภาพของตัวผลิตภัณฑ์สักหน่อย แต่ข้อดีอื่น ๆ ก็ยังอยู่ครบ อย่างระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อแบตเตอรี่ถูกชาร์จจนเต็ม เพื่อถนอมอุปกรณ์ และเพื่อความปลอดภัย ในส่วนของ Wireless Charging สามารถใช้ได้กับสมาร์ทโฟนที่รองรับการชาร์จไร้สายระบบ Qi (ชี่) อย่าง iPhone 8 ขึ้นไป หรือ SAMSUNG Galaxy S8 กับ Note9 ขึ้นไปครับ

จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน 4 Port Type 15W (Max), 5W, 2W Wireless Charging / Lightning กำลังจ่ายไฟ (Maximum) 15W / 5W / 2W / 3W วัสดุ N/A ขนาด N/A น้ำหนัก N/A สี ขาว / ดำ

6. Yeelight Wireless Charging Nightlight

ไอต้าวฟูจิซัง เอเวอเรสต์ พนมดงรัก น่ารักน่าใช้จริง ๆ สำหรับ Yeelight Wireless Charging Nightlight ที่เป็นทั้งแท่นชาร์จมือถือไร้สาย และโคมไฟตั้งโต๊ะรูปทรงภูเขา ดีไซน์โมเดิร์นเข้ากันได้ดีกับสีขาวสะอาดตา เรียบหรูดูแพง ในราคาเพียงหลักร้อยกลาง ๆ เท่านั้น ตัวโคมไฟเลือกเปิดได้ทั้งสีขาวสว่างตา และสีวอร์มไวท์แสงส้มนวลตา สามารถถอดโคมไฟจิ๋วออกมาได้ แล้วยังเอาไปติดตามที่ต่าง ๆ ที่แม่เหล็กดูดติดได้ ถือเป็นของตกแต่งบ้านที่สวยงาม เหมาะกับผนังทุกสี และสามารถใช้งานได้จริงด้วยครับ

ในส่วนของแท่นชาร์จมือถือนั้น ก็สามารถใช้งานได้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นทุกยี่ห้อที่รองรับการชาร์จไร้สายระบบ Qi (ชี่) หากไม่มั่นใจว่าโทรศัพท์ที่ใช้อยู่ใช่ชี่ไหม ให้ทำการตรวจเช็คก่อนซื้อผลิตภัณฑ์นี้ เพราะจะไม่สามารถคืนสินค้าได้ ในด้านประสิทธิภาพของ Wireless Charging ถือว่าดีเยี่ยม วางปุ๊บชาร์จปั๊บ ไม่ช้า ไม่หน่วง ซึ่งตรงจุดนี้ผู้ใช้ต่างพึงพอใจและคอมเมนต์ตรงกันว่าเป็นความจริง มีที่ชาร์จไม่เข้าเพราะเคสโทรศัพท์หนา แต่เมื่อถอดเคสออกก็สามารถชาร์จได้ทันทีเลยครับ

จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน 1 Port Type Wireless Charging กำลังจ่ายไฟ (Maximum) 10W วัสดุ ABS + PC ขนาด 22.5 x 8 x 4.35 cm น้ำหนัก 140g สี ขาว

7. Baseus Simple 2in1 Wireless Charger Turbo Edition

น่าจะเป็นแท่นชาร์จมือถือไร้สายที่พัฒนาต่อมาจากรุ่นแรก ๆ ที่ชาร์จได้เพียงครั้งละ 1 อุปกรณ์ โดยรุ่นนี้สามารถชาร์จได้ 2 เครื่องพร้อมกัน แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่เหมือนนำแท่นชาร์จไร้สายแบบดั้งเดิมมาต่อกันเป็น 2 พอร์ตเท่านั้น จึงอาจดูธรรมดาเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ แต่ถ้าพิจารณาให้ดี เขามีลูกเล่นที่เท่ไม่เหมือนใครเลยทีเดียว เพราะการดีไซน์ของแบรนด์อื่น ๆ จะเป็นแบบทึบ แต่ Baseus Simple 2in1 Wireless Charger Turbo Edition มีพื้นผิวเป็นกระจกนิรภัย โปร่งใส เห็นแผงวงจรข้างใน ถือเป็นกิมมิคที่ทั้งเท่และแตกต่างมาก ๆ เลยครับ

ไม่เพียงเท่านั้น ตัวแท่นชาร์จยังตอบสนองระดับ 0.1 วินาที วางปุ๊บ ชาร์จปั๊บ เร็วมาก ขนาดก็บาง เพียง 7.3 มิลลิเมตร บางเท่าโทรศัพท์เลย จึงพกใส่กระเป๋าไปใช้ที่ออฟฟิศได้อย่างไม่เกะกะ ส่วนความกว้างกับความยาวก็แค่ 16 x 8 เซนติเมตร พร้อมน้ำหนักอีก 130 กรัม เท่านั้นเอง เห็นบาง ๆ แต่ไม่บอบบางนะ เพราะนอกจากจะใช้กระจกนิรภัยแล้ว ยังใช้อลูมิเนียมอัลลอยด์ที่เบาแต่แข็งแรง ทนทาน ซึ่งทางแบรนด์ก็ได้เคลมไว้เลยว่า หล่นไม่แตกแน่นอน สามารถชาร์จสมาร์ทโฟนได้ทุกรุ่นทุกยี่ห้อที่รองรับการชาร์จไร้สายระบบ Qi (ชี่) รวมไปถึง AirPods ที่เป็น Wireless Charging Case ด้วยครับ

จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน 2 Port Type Wireless Charging กำลังจ่ายไฟ (Maximum) 10W / 10W วัสดุ Aluminum Alloy + Metal Tempered Glass ขนาด 16 x 8 x 0.73 cm น้ำหนัก 130g สี ดำ

8. Mi 20W Wireless Car Charger

แท่นชาร์จมือถือในรถแบบไร้สาย จาก Xiaomi ของแท้ของแบรนด์จริง ๆ ไม่ใช่แค่ Ecosystem สำหรับ Mi 20W Wireless Car Charger ซึ่งแน่นอนว่าต้องจัดเต็มเทคโนโลยีไม่มีเสียชื่อหรือน้อยหน้ากว่าอยู่แล้ว โดยเมื่อเป็นแท่นชาร์จในรถความสะดวกจึงสำคัญ เพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยด้วย ดังนั้นเมื่อวางโทรศัพท์ลงไป ตัวเซ็นเซอร์อินฟราเรดภายในมือจับยึดข้างตัวเครื่องจะล็อคให้กระชับพอดีแบบอัตโนมัติเลย ซึ่งปรับหมุนได้ทั้งแนวตั้งและแนวนอนครับ

ซึ่งตัวมือจับนี่สามารถยืดได้กว้างถึง 81.5 มิลลิเมตรเลยนะ ถ้าเป็นขนาดสมาร์ทโฟนของแบรนด์ก็วาง Mi 9 ได้สบาย ๆ หรืออย่างบ้าน iPhone ก็ระดับ Pro Max ได้เลยไม่มีปัญหา เอาเป็นว่าถ้าความกว้างไม่เกินนี้ ก็สามารถใช้ได้กับทุกรุ่นทุกยี่ห้อที่รองรับการชาร์จไร้สายระบบ Qi (ชี่) แล้วยิ่งถ้าใครใช้ Mi 9 อยู่แล้วนะยิ่งแนะนำเลย เพราะสามารถชาร์จไวที่กำลังจ่ายไฟสูงถึง 20 วัตต์ รถติด ๆ อยู่ในกรุงเทพฯ หรือขับออกต่างจังหวัด 90 นาที แบตเตอรี่ก็เต็มแล้ว ส่วนรุ่นอื่น ๆ ยี่ห้ออื่น ๆ ก็สามารถใช้งานได้ โดยกำลังจ่ายไฟสำหรับการชาร์จก็จะอยู่ที่ 10 วัตต์ครับ

จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน 1 Port Type Wireless Charging กำลังจ่ายไฟ (Maximum) 20W วัสดุ PC + Glass ขนาด 7.34 x 11.72 x 9.17 cm น้ำหนัก 192g สี ดำ

9. OWIRE Wireless Charging Pad

คำจำกัดความสำหรับ OWIRE Wireless Charging Pad ก็คงต้องบอกว่าเป็นแท่นชาร์จมือถือไร้สายที่ “ง่าย” ทั้งในด้านของการใช้งาน และในเรื่องของราคาที่ทำให้สามารถตัดสินใจซื้อได้โดยง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ ยังไม่ถึง 200 บาทด้วยซ้ำ มีให้เลือก 2 สี คือสีขาวกับสีดำ และมีอย่างละ 2 รุ่น คือรุ่นที่มีกำลังจ่ายไฟสูงสุด 10 วัตต์ กับ 15 วัตต์ ราคาต่างกันประมาณ 40 กว่าบาทเท่านั้นเองครับ

ส่วนความง่ายในด้านการใช้งาน แท่นชาร์จรุ่นนี้เป็นแบบชาร์จได้ทีละอุปกรณ์ แค่วางลงไปบนแท่นก็ชาร์จเลยไม่ซับซ้อน ชาร์จสมาร์ทโฟนได้ ชาร์จ AirPods ก็ได้ คือถ้าเครื่องของคุณรองรับการชาร์จไร้สายระบบ Qi (ชี่) ก็สามารถใช้ได้เลย แบบไม่ต้องถอดเคสด้วย เพราะระยะของเซ็นเซอร์ทำงานได้ถึง 8 มิลลิเมตรเลยทีเดียว วัสดุด้านหน้าจะเป็นแผ่นกระจกทนความร้อน ทำด้วยโพลิเมอร์ที่ทนทานกว่ากระจกธรรมดา ส่วนด้านหลังเป็นอลูมิเนียมอัลลอยด์ที่ระบายความร้อนได้ดี ด้วยตัวคุณสมบัติของวัสดุทั้ง 2 จึงช่วยระบายความร้อนระหว่างการชาร์จให้ไม่สูงเกิน 45 องศาเซลเซียสครับ

จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน 1 Port Type Wireless Charging กำลังจ่ายไฟ (Maximum) 10W / 15W วัสดุ Plexiglass + Aluminum Alloy ขนาด 13.5 x 10 x 2.4 cm น้ำหนัก 75.2g สี ขาว / ดำ

10. AUKEY LC-C6

แท่นชาร์จมือถือไร้สายระดับรางวัล iF DESIGN AWARD 2018 ซึ่งเป็นรางวัลด้านการออกแบบระดับโลกจากประเทศเยอรมนี ที่นอกจากจะพิจารณาด้านการดีไซน์แล้ว ฟังก์ชันการทำงานยังต้องมีประสิทธิภาพ มีนวัตกรรมด้านความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย โดยในด้านการทำงานสามารถชาร์จไวด้วยกำลังจ่ายไฟสูงสุด 10 วัตต์ ใช้ได้กับสมาร์ทโฟนทุกรุ่นทุกยี่ห้อที่รองรับการชาร์จไร้สายระบบ Qi (ชี่) วัสดุเป็น TPU ยางเทอร์โมพลาสติก โพลียูรีเทน ที่อ่อนนุ่มเป็นพิเศษ ส่วนตัวฐานเป็นซิงค์อัลลอยด์พร้อมแผ่นรองวงแหวนซิลิโคนกันลื่นด้วยครับ

ในด้านความปลอดภัย ทางแบรนด์ยืนยันเลยว่า 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะผ่านการรับรอง CE ตามกฎระเบียบความปลอดภัยที่สหภาพยุโรปกำหนด รวมไปถึง RoHS ข้อกำหนดของการใช้สารอันตรายในอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ก็ได้มาตรฐานเช่นกัน มีไฟ LED แสดงสถานะของตัวอุปกรณ์อย่างชัดเจน โดยสามารถวางสมาร์ทโฟนเพื่อชาร์จได้เมื่อไฟขึ้นสีแดง หากแบตเตอรี่เต็มแล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว และถ้าไฟขึ้นสีแดงกะพริบ ๆ แสดงว่ามีสิ่งแปลกปลอมอยู่บนแท่นชาร์จ ให้รีบนำออกนะครับ

จำนวนอุปกรณ์ที่ชาร์จได้พร้อมกัน 1 Port Type Wireless Charging กำลังจ่ายไฟ (Maximum) 10W วัสดุ TPU + Zinc Alloy ขนาด 8.7 x 8.7 x 1.2 cm น้ำหนัก 128g สี ดำ

อ่านกันมาถึงตรงนี้คงจะได้คำตอบสำหรับ แท่นชาร์จไร้สาย ยี่ห้อไหนดี แล้วใช่ไหมครับ หลายยี่ห้อก็ทำออกมาได้น่าใช้งาน สวยงามจนเอาไปวางเป็นของประดับโต๊ะทำงานเราได้เลย บางรุ่นก็ทำออกมาตอบโจทย์ผู้ขับขี่รถยนต์ได้ดี มีที่หนีบแข็งแรง มีเซ็นเซอร์สำหรับล็อคตัวเครื่อง ไม่ต้องมาคอยกดที่หนีบให้คลายออกเพื่อยึดจับมือถือ ที่จับเป็นยางซิลิโคนไม่ต้องกังวลว่าวางไว้แล้วจะหล่น สุดท้ายนี้ก็ขอให้ได้แท่นชาร์จไร้สายที่ถูกใจ ตอบโจทย์การใช้งานกันนะครับ

ชาร์จแบบมีสาย VS แบบไร้สาย แบบไหนดีกว่ากัน-JD

หากพูดถึงการชาร์จแบตมือถือ หลายคนคงคุ้นเคยกับการใช้อุปกรณ์ชาร์จแบบมีสายกันดีอยู่แล้ว แต่ในปัจจุบันยังมีอีกหนึ่งเทคโนโลยี ที่กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั่นก็คือเทคโนโลยีชาร์จแบบไร้สาย (Wireless Charger) ซึ่งหลายคนอาจจะยังคงสงสัยว่า อุปกรณ์ทั้งสองแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร และเมื่อเทียบกันแล้วแบบไหนดีกว่ากัน ในตอนนี้ JOY เลยหาข้อมูลมาฝาก

การชาร์จมือถือด้วยการเสียบสายชาร์จเข้ากับเครื่องโดยตรง ซึ่งถือเป็นวิธีมาตรฐานที่มือถือทุกรุ่นในปัจจุบันรองรับ ข้อดีของการชาร์จแบบมีสาย คือ อุปกรณ์ราคาไม่แพง หาซื้อง่าย และชาร์จไฟไวกว่าแบบไร้สาย ยิ่งถ้ารองรับระบบ Quick Charge ด้วยแล้ว รับรองแบตเต็มเร็วทันใจแน่นอน เพียงแต่ควรเลือกใช้หัวชาร์จหรืออแดปเตอร์ ที่มีแรงดันไฟฟ้าเหมาะกับมือถือ เพราะแรงดันไฟที่มากเกินไป ก็ไม่ได้ทำให้ชาร์จเร็วขึ้นแต่อย่างใด

เทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อให้ชาร์จมือถือได้ง่ายขึ้น ส่วนใหญ่จะมาในรูปแบบของแท่นชาร์จ ที่เพียงนำมือถือไปวางก็ชาร์จไฟได้ทันที การชาร์จแบบไร้สายจะใช้แถบอิเล็กทรอนิกส์เป็นตัวกลางในการส่งผ่านพลังงานจากแท่นไปยังมือถือ ทำให้อาจชาร์จไม่รวดเร็วเทียบเท่ากับแบบมีสาย ที่ส่งกระแสไฟเข้าสู่ตัวอุปกรณ์โดยตรง อีกทั้งยังไม่สามารถใช้ได้กับมือถือบางรุ่น โดยเฉพาะรุ่นเก่าๆ ที่ยังไม่รองรับเทคโนโลยี Wireless Charging และต้องระวังเรื่องความร้อนในเวลาที่ชาร์จทิ้งไว้ด้วย

เมื่อเทียบกันแล้ว การชาร์จแบบไร้สายมีจุดเด่นในเรื่องของความสะดวกสบาย ช่วยถนอมพอร์ตชาร์จของมือถือ และสามารถชาร์จหลายอุปกรณ์ได้ในเวลาเดียวกัน ขณะที่สายชาร์จแบบเดิมๆ หาซื้อง่าย ราคาถูก และครอบคลุมมือถือหลากรุ่นกว่า ส่วนเรื่องความเร็วในการชาร์จ JOY เชื่อว่า เมื่อมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ต่อไปคงจะไม่แตกต่างกันมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกซื้อแบบไหน ขอเพียงตอบโจทย์การใช้งานจะดีที่สุด

Comments

Post Comments